การเทรดแบบ Hedging ในตลาด Forex มักถูกเรียกว่าเป็นกลยุทธ์ที่ “แข็งแกร่งที่สุด” แต่จริงๆ แล้วมันแข็งแกร่งที่สุดอย่างที่กล่าวอ้างหรือไม่? การทำ Hedging คือการเปิดสถานะซื้อ (Buy) และสถานะขาย (Sell) พร้อมกันในคู่สกุลเงินเดียวกัน เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจกลไก ข้อดี และข้อเสียเป็นสิ่งสำคัญ ในบล็อกนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับการทำ Hedging อย่างละเอียด
1. การทำ Hedging ใน Forex แข็งแกร่งที่สุดจริงหรือ?

ในตลาด Forex กลยุทธ์ “การทำ Hedging” มักถูกกล่าวถึงว่าเป็น “กลยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุด” แต่จริงๆ แล้วมันแข็งแกร่งที่สุดอย่างที่กล่าวอ้างหรือไม่? การทำ Hedging หมายถึงการเปิดสถานะซื้อ (Buy) และสถานะขาย (Sell) พร้อมกันในคู่สกุลเงินเดียวกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อทำกำไรและจำกัดการขาดทุน อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่แท้จริงของการทำ Hedging เป็นสิ่งสำคัญ
พิจารณาข้อดีของการทำ Hedging อย่างจริงจัง
ประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดของการทำ Hedging คือความเป็นไปได้ที่จะทำกำไรได้แม้ในภาวะตลาดขาลง ตัวอย่างเช่น หากตลาดกลับตัวอย่างไม่คาดคิด สถานะหนึ่งอาจทำกำไรได้ในขณะที่อีกสถานะหนึ่งขาดทุน แต่โดยรวมแล้วจะสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น กลไกนี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตอบสนองต่อความผันผวนของตลาดได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่กลยุทธ์ Hedging ได้รับการยกย่องว่าแข็งแกร่งที่สุดไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ความสามารถในการใช้หลักประกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความสามารถในการตรึงการขาดทุนของสถานะไว้ชั่วคราว ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม สิ่งเหล่านี้จะเป็นอาวุธสำคัญในการวางแผนกลยุทธ์การเทรดระยะยาว
ความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการทำ Hedging
อย่างไรก็ตาม ก็มีความคิดเห็นเชิงลบเกี่ยวกับการทำ Hedging อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาด Forex เทรดเดอร์จำนวนมากเตือนว่า “การทำ Hedging ไม่ใช่กลยุทธ์ที่รับประกันชัยชนะ” เหตุผลก็คือ การทำ Hedging อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่มากเกินไป ตัวอย่างเช่น หากทั้งสองสถานะขาดทุนพร้อมกัน ทรัพย์สินอาจลดลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังมีการชี้ให้เห็นถึงข้อเสียว่า เมื่อใช้การทำ Hedging กำไรที่ได้จะกระจายตัวและบางลง ทำให้ยากที่จะทำกำไรจำนวนมาก ในการเทรดที่มีสเปรดและค่าธรรมเนียมเข้ามาเกี่ยวข้อง กำไรมักจะหักลบกัน ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมไม่ดีขึ้นอย่างที่คาดหวัง
การทำ Hedging ไม่ใช่ “กลยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุด”
ดังนั้น การทำ Hedging เป็นเพียงหนึ่งในกลยุทธ์การเทรด และไม่ใช่ทางเลือกที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจวิธีการใช้และจังหวะเวลาที่เหมาะสมของการทำ Hedging และค้นหาวิธีที่เหมาะกับสไตล์การเทรดและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของคุณ การแยกแยะสถานการณ์ที่การทำ Hedging มีประสิทธิภาพและสถานการณ์ที่ไม่เป็นเช่นนั้น ถือเป็นก้าวแรกสู่การเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ
2. กลไกและคุณสมบัติของการทำ Hedging

การทำ Hedging ในตลาด Forex คือกลยุทธ์การเทรดที่นักลงทุนเปิดสถานะ “Long (ซื้อ)” และ “Short (ขาย)” พร้อมกันในคู่สกุลเงินเดียวกัน กลยุทธ์นี้ถือเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงที่นักลงทุนได้รับจากความผันผวนของตลาด และรักษาสถานะตามแนวโน้มที่เฉพาะเจาะจง
กลไกพื้นฐานของการทำ Hedging
เมื่อทำการ Hedging สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจประเด็นต่อไปนี้:
การถือครองพร้อมกัน: การถือสถานะซื้อและขายพร้อมกันในคู่สกุลเงินเดียวกัน ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยง โดยสถานะซื้อจะทำกำไรเมื่อราคาสูงขึ้น และสถานะขายจะทำกำไรเมื่อราคาลดลง
การตรึงกำไร/ขาดทุน: การทำ Hedging จะตรึงกำไร/ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นไว้ ณ จุดที่เปิดสถานะ ทำให้รักษาสมดุลได้ในภาวะตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คุณสมบัตินี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงที่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ หรือเมื่อความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น
คุณสมบัติของการทำ Hedging
การทำ Hedging มีคุณสมบัติหลายประการ การทำความเข้าใจสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1. วิธีการป้องกันความเสี่ยง (Risk Hedge)
การทำ Hedging ส่วนใหญ่ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคาดการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือตลาดมีความไม่แน่นอน การเปิดสถานะในทิศทางตรงกันข้ามกับสถานะที่ถืออยู่แล้ว จะช่วยลดความเสี่ยงได้
2. ทางเลือกสำหรับสไตล์การลงทุน
นักลงทุนสามารถใช้การทำ Hedging เพื่อแสวงหากำไรจากแนวโน้มระยะยาว ในขณะเดียวกันก็สามารถตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะสั้นได้ ตัวอย่างเช่น นักลงทุนที่ตัดสินใจว่าสถานะซื้อจะได้เปรียบในระยะยาว อาจใช้สถานะขายในช่วงที่ตลาดมีการปรับฐานในระยะสั้น เพื่อสร้างกลยุทธ์การเทรดที่สมดุล
3. การตอบสนองที่ยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ตลาด
แม้ในกรณีที่ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรือเกิดความผันผวนของราคาที่ไม่คาดคิด การทำ Hedging ก็ช่วยให้นักลงทุนสามารถตอบสนองได้อย่างยืดหยุ่น นักลงทุนสามารถปรับสถานะเพื่อเพิ่มผลกำไรตามการเคลื่อนไหวของราคาได้
ข้อควรระวัง
อย่างไรก็ตาม การทำ Hedging ต้องใช้ความระมัดระวัง แม้ว่าจะมีบทบาทในการบริหารความเสี่ยง แต่เพื่อให้ได้กำไรจริง การบริหารจัดการสถานะ การเข้าและออกที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ และอย่าลืมพิจารณาถึงภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย
การทำความเข้าใจกลไกและคุณสมบัติของการทำ Hedging จะช่วยให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาใช้กลยุทธ์นี้อย่างชาญฉลาดตามแนวโน้มของตลาดและสไตล์การลงทุนของคุณ
3. ขั้นตอนการเทรด Hedging ที่เป็นรูปธรรม

ขั้นตอนการเทรดแบบ Hedging นั้นเรียบง่าย แต่การใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ ในส่วนนี้จะอธิบายขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมดังนี้:
ขั้นตอนที่ 1: วิเคราะห์ตลาด
ขั้นตอนแรกคือการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดอย่างละเอียด ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานเพื่อตรวจสอบแนวโน้มและตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญ สิ่งนี้จะสร้างพื้นฐานสำหรับการตัดสินใจว่าจะเลือกคู่สกุลเงินใดและทิศทางการเทรด
ขั้นตอนที่ 2: การเลือกสถานะ
หลังจากวิเคราะห์ตลาดแล้ว ให้ตัดสินใจว่าจะใช้การ Hedging กับคู่สกุลเงินใด ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือก EUR/USD ให้เปิดสถานะซื้อ (Long) ก่อน จากนั้นให้จับตาดูการเคลื่อนไหวของตลาด และเปิดสถานะขาย (Short) ในคู่สกุลเงินเดียวกัน
- ตัวอย่างสถานะซื้อ: สมมติว่าคุณตั้งสถานะซื้อ EUR/USD ที่ 1.2000
- ตัวอย่างสถานะขาย: ในขณะเดียวกัน คาดการณ์ว่าตลาดจะขึ้น แต่ก็คาดการณ์ว่าจะมีการลดลงในระยะสั้นด้วย จึงเปิดสถานะขาย EUR/USD ที่ 1.1980 เช่นกัน
ขั้นตอนที่ 3: การกำหนดจุดเข้า
หาจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าตลาด อ้างอิงตัวบ่งชี้ทางเทคนิคและรูปแบบกราฟเพื่อหาจุดเข้าที่เหมาะสมที่สุด ปัจจัยที่ควรพิจารณาในที่นี้ ได้แก่ แนวรับ แนวต้าน และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
ขั้นตอนที่ 4: การตั้งค่าการบริหารความเสี่ยง
การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการเทรด Hedging เพื่อจำกัดการขาดทุนให้เหลือน้อยที่สุด ให้ตั้งค่า Stop Loss ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณมีสถานะซื้อ ให้ตั้ง Stop Loss ในระดับที่เหมาะสมเพื่อให้สถานะถูกปิดโดยอัตโนมัติหากมีการเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คาดการณ์ไว้
ขั้นตอนที่ 5: การติดตามสถานะ
หลังจากเปิดสถานะแล้ว ให้ติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการประกาศทางเศรษฐกิจที่สำคัญ หรือหากราคาเคลื่อนไหวทะลุแนวรับ/แนวต้านทางเทคนิคที่สำคัญ จำเป็นต้องมีการประเมินใหม่
ขั้นตอนที่ 6: การใช้กลยุทธ์การปิดสถานะ
เมื่อถึงเป้าหมายกำไร หรือเมื่อสภาพแวดล้อมของตลาดเปลี่ยนแปลงไป ให้ปิดสถานะ กำหนดจุดทำกำไรที่ชัดเจนล่วงหน้า และปิดสถานะอย่างใจเย็นโดยไม่ปล่อยให้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญ
นี่คือขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมในการเทรด Hedging การทำความเข้าใจขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถใช้กลยุทธ์ Hedging ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. ข้อดีของการทำ Hedging

การทำ Hedging ในการเทรด Forex ถูกใช้โดยเทรดเดอร์จำนวนมากในฐานะกลยุทธ์การเทรดที่เป็นเอกลักษณ์ ในส่วนนี้จะอธิบายถึงข้อดีหลักๆ ของการทำ Hedging อย่างละเอียด
ป้องกันการขาดทุนจำนวนมาก
หนึ่งในข้อดีที่สำคัญของการทำ Hedging คือความสามารถในการป้องกันการขาดทุนจำนวนมาก การถือสถานะทั้งสองทิศทางช่วยให้แม้ว่าตลาดจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากสถานะหนึ่งมีกำไร อีกสถานะหนึ่งที่ขาดทุนก็จะถูกหักล้างไป สิ่งนี้ช่วยป้องกันการขยายตัวของการขาดทุน และรักษาสภาพจิตใจให้สงบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่คาดเดาได้ยาก เช่น การประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญ หรือข่าวการเมือง กลยุทธ์นี้จะมีประสิทธิภาพเป็นพิเศษ
ลดการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ การใช้ Hedging ยังช่วยลดการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น หากคุณมีสถานะซื้อในคู่สกุลเงินหนึ่ง เมื่อสถานะนั้นมีกำไร การเปิดสถานะตรงข้ามจะช่วยควบคุมผลกระทบของการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น สิ่งนี้ช่วยป้องกันการขาดทุนในสถานการณ์ที่ตลาดไม่มั่นคง
การเพิ่มประสิทธิภาพทางภาษี
นอกจากนี้ การทำ Hedging ยังมีประโยชน์ในการวางแผนภาษีด้วย การคงสถานะที่มีกำไรไว้โดยไม่ปิดสถานะ จะช่วยให้คุณสามารถเลื่อนการเก็บภาษีออกไปได้หนึ่งปี คุณสามารถใช้กลยุทธ์นี้เพื่อลดภาระภาษีได้เมื่อสิ้นปี โดยการตรึงกำไรไว้ สิ่งนี้ช่วยให้คุณอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบในการบริหารจัดการสินทรัพย์
การผสมผสานกลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย
การทำ Hedging ช่วยให้คุณสามารถใช้กลยุทธ์การเทรดหลายอย่างพร้อมกันได้ ตัวอย่างเช่น การถือสถานะซื้อสำหรับแนวโน้มระยะยาว และสถานะขายสำหรับความผันผวนของตลาดในระยะสั้น จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในกรอบเวลาที่แตกต่างกัน ความยืดหยุ่นนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการตอบสนองต่อตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
บทบาทของการป้องกันความเสี่ยง
สุดท้าย การทำ Hedging ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดมีความผันผวนอย่างมาก หรือคาดการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน การใช้ Hedging จะช่วยควบคุมความเสี่ยงได้ สิ่งนี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถบริหารจัดการสถานะได้อย่างเป็นระบบ และปกป้องสินทรัพย์ของตนเองได้
การทำ Hedging ไม่ได้เป็นเพียงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มผลกำไรสูงสุดเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันตนเองจากความเสี่ยงที่สำคัญอีกด้วย การใช้ประโยชน์จากข้อดีเหล่านี้คาดว่าจะช่วยเสริมสร้างการบริหารความเสี่ยงในการเทรด Forex ได้อย่างมีนัยสำคัญ
5. ข้อเสียและข้อควรระวังของการทำ Hedging

ในการเทรด Forex การทำ Hedging อาจดูเหมือนเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ แต่ในความเป็นจริงแล้วมีข้อเสียและข้อควรระวังมากมาย ในที่นี้ เราจะมาดูข้อเสียหลักๆ และข้อควรระวังเกี่ยวกับการทำ Hedging อย่างละเอียด
ค่าใช้จ่ายในการเทรดที่เพิ่มขึ้น
เมื่อทำการ Hedging ค่าใช้จ่ายมักจะสูงกว่าการเทรดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีสองปัจจัยดังต่อไปนี้:
ภาระค่าสเปรดสองเท่า
การเปิดสถานะซื้อและขายพร้อมกันทำให้เกิดค่าสเปรดสำหรับแต่ละสถานะ ส่งผลให้ต้นทุนการเทรดเพิ่มขึ้น และผลกระทบจะชัดเจนยิ่งขึ้นในสภาพแวดล้อมตลาดที่สเปรดมีแนวโน้มกว้างขึ้นผลกระทบจากค่า Swap Point
แต่ละคู่สกุลเงินมีค่า Swap Point ที่แตกต่างกัน แม้ว่า Swap ของสถานะหนึ่งอาจเป็นกำไร แต่ Swap ของอีกสถานะหนึ่งอาจเป็นการขาดทุนได้ ดังนั้น ในระยะยาวจึงมีความเสี่ยงที่ต้นทุน Swap จะเพิ่มขึ้น- ความเสี่ยงของการถูก Stop Out
ในการเทรดแบบ Hedging อาจมีการเรียกหลักประกันที่สูงกว่าการเทรดปกติ ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะถูก Stop Out
- การลดลงของอัตราส่วนหลักประกัน
แม้ว่าสถานะหนึ่งจะขาดทุน แต่อีกสถานะหนึ่งจะเป็นกำไรเพื่อหักล้างกัน อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหลักประกันโดยรวมจะได้รับผลกระทบ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะถูก Stop Out ในเวลาที่ไม่คาดคิดมากขึ้น
ความเสี่ยงจากความผันผวนของสเปรด
สเปรดจะผันผวนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องต่ำหรือเมื่อตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สเปรดมักจะกว้างขึ้น
- ผลกระทบจากสเปรดที่ผันผวน
เมื่อตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหรือขาดสภาพคล่อง มีความเสี่ยงสูงที่การเทรดจะเกิดขึ้นในอัตราที่เสียเปรียบกว่าปกติ หากถือสถานะ Hedging ในสถานการณ์เช่นนี้ การถูก Force Liquidation จะเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการตัดสินใจอย่างรอบคอบ
ความสำคัญของการเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม
เมื่อทำการ Hedging สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบเงื่อนไขและนโยบายของโบรกเกอร์อย่างละเอียด
- การจัดการหลักประกัน
โบรกเกอร์บางรายอาจต้องการหลักประกันสองเท่าสำหรับการทำ Hedging ในขณะที่โบรกเกอร์บางรายอาจต้องการเพียงหลักประกันเท่ากับหนึ่งสถานะ ดังนั้น การเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้จะช่วยลดความเสี่ยงได้
สรุป
การทำ Hedging มีประสิทธิภาพในการหลีกเลี่ยงการขาดทุนชั่วคราวและการป้องกันความเสี่ยง แต่ก็มีข้อเสียมากมายอยู่เบื้องหลัง เช่น ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงในการถูก Stop Out และการเลือกโบรกเกอร์ สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจองค์ประกอบหลายอย่างเหล่านี้อย่างถ่องแท้ และดำเนินการเทรดอย่างเป็นระบบ
สรุป
การทำ Hedging มีทั้งด้านที่มีประสิทธิภาพในการหลีกเลี่ยงการขาดทุนชั่วคราวและการป้องกันความเสี่ยง แต่ก็มีข้อเสียมากมาย เช่น ต้นทุนการเทรดที่เพิ่มขึ้น ความยากในการบริหารจัดการหลักประกัน และความเสี่ยงในการถูก Stop Out นอกจากนี้ การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญ หากคุณต้องการใช้ Hedging สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจข้อเสียและข้อควรระวังเหล่านี้อย่างถ่องแท้ และพิจารณาอย่างรอบคอบตามสไตล์การเทรดของคุณ เพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ควรพึ่งพาการทำ Hedging เพียงอย่างเดียว แต่ควรรวมกลยุทธ์การเทรดอื่นๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มั่นคงยิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
ข้อดีที่สำคัญที่สุดของการทำ Hedging ใน Forex คืออะไร?
ข้อดีที่สำคัญที่สุดของการทำ Hedging ใน Forex คือความสามารถในการตอบสนองต่อความผันผวนของตลาดได้อย่างยืดหยุ่น แม้ว่าตลาดจะกลับตัวอย่างไม่คาดคิด สถานะหนึ่งก็ยังสามารถทำกำไรได้ ทำให้ควบคุมความเสี่ยงโดยรวมได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้หลักประกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตรึงการขาดทุนของสถานะไว้ชั่วคราวได้ ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญในการวางแผนกลยุทธ์การเทรดระยะยาว
การทำ Hedging ใน Forex มีข้อเสียอย่างไรบ้าง?
การทำ Hedging ใน Forex มีข้อเสียหลักๆ 3 ประการ ประการแรกคือต้นทุนการเทรดที่เพิ่มขึ้น การเปิดสถานะซื้อและขายพร้อมกันจะเพิ่มภาระค่าสเปรดและค่าธรรมเนียม ประการที่สองคือความเสี่ยงในการถูก Stop Out ที่เพิ่มขึ้น หากสถานะใดสถานะหนึ่งประสบการขาดทุนจำนวนมาก ความเสี่ยงในการถูก Force Liquidation จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราส่วนหลักประกันลดลง ประการที่สามคือความสำคัญของการเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม จำเป็นต้องตรวจสอบเงื่อนไขของโบรกเกอร์อย่างรอบคอบ เช่น การจัดการหลักประกัน
การทำ Hedging ใน Forex มีประสิทธิภาพเสมอไปสำหรับเทรดเดอร์ทุกคนหรือไม่?
การทำ Hedging ใน Forex ไม่ได้เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน แม้ว่าจะสามารถตอบสนองต่อความผันผวนของตลาดได้อย่างยืดหยุ่น แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่กำไรจะกระจายตัวและบางลง หรืออาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่มากเกินไป ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจวิธีการใช้และจังหวะเวลาที่เหมาะสมของการทำ Hedging ตามสไตล์การเทรดและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของคุณ
จุดสำคัญในการใช้ Hedging ใน Forex อย่างมีประสิทธิภาพคืออะไร?
จุดสำคัญในการใช้ Hedging ใน Forex อย่างมีประสิทธิภาพมี 3 ประการ ประการแรกคือการวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบ เพื่อเลือกคู่สกุลเงินและจุดเข้าที่เหมาะสม ประการที่สองคือการบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด และการตั้งค่า Stop Loss ที่เหมาะสม ประการที่สามคือการติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างสม่ำเสมอ และไม่พลาดจังหวะการปรับสถานะ สิ่งสำคัญคือการใช้ Hedging ตามวิธีการเทรดของคุณ โดยคำนึงถึงจุดสำคัญเหล่านี้
เว็บไซต์อ้างอิง
FXの両建てとは、同じ通貨ペアの買いポジションと売りポジションを同時に保有することを言います。みんなのFXでは、両建て注…