ในโลกของการลงทุน การตามแนวโน้มและการต้านแนวโน้มถือเป็นสองแนวทางหลักที่สำคัญ ผู้เริ่มต้นจนถึงผู้มีประสบการณ์มากมายของนักลงทุนกำลังมองหากลยุทธ์ที่เหมาะกับตัวเอง บทความนี้จะเปรียบเทียบความแตกต่างพื้นฐานของการตามแนวโน้มและการต้านแนวโน้ม รวมถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละอย่าง นอกจากนี้ยังอธิบายจุดเข้าซื้อขายที่เฉพาะเจาะจงของการตามแนวโน้ม เทคนิคความสำเร็จ การใช้วิธีการและช่วงเวลาของการต้านแนวโน้ม พร้อมข้อมูลปฏิบัติที่ละเอียด ขอให้คุณอ่านต่อ
- 1 1. ความแตกต่างพื้นฐานระหว่างการซื้อตามแนวโน้มและการขายตรงกันข้ามคืออะไร?
- 2 2. ควรเลือกแบบไหนสำหรับมือใหม่? เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย
- 3 3. จุดเข้าเทรดตามแนวโน้มและเคล็ดลับความสำเร็จ
- 4 4. วิธีและช่วงเวลาที่ชนะด้วยการซื้อขายตรงข้าม
- 5 5. ประเภทนักลงทุน! ใครเหมาะกับคุณ?
- 6 まとめ
- 7 คำถามที่พบบ่อย
- 8 เว็บไซต์อ้างอิง
1. ความแตกต่างพื้นฐานระหว่างการซื้อตามแนวโน้มและการขายตรงกันข้ามคืออะไร?
การซื้อตามแนวโน้มและการขายตรงกันข้ามเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมมากในกลยุทธ์การลงทุน แต่ทั้งสองมีความแตกต่างอย่างมากในแนวคิดพื้นฐาน การเข้าใจวิธีการเหล่านี้จะช่วยให้คุณระบุได้ว่าใครเหมาะกับตัวคุณมากที่สุด
การซื้อตามแนวโน้มคืออะไร?
การซื้อตามแนวโน้มหมายถึงการทำธุรกรรมตามแนวโน้มของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่า,
- เมื่อมีแนวโน้มขึ้น ควรทำการซื้อ
- เมื่อมีแนวโน้มลง ควรทำการขาย
วิธีนี้ให้ความสำคัญกับแนวโน้มที่กำลังดำเนินอยู่และดำเนินการตามความเชื่อว่าการไหลของแนวโน้มจะยังคงต่อเนื่อง เช่น เมื่อราคาหุ้นกำลังขึ้นในระยะยาว การซื้อเพื่อมุ่งหวังราคาที่สูงขึ้น ถือเป็นแนวคิด การซื้อตามแนวโน้มเป็นกลยุทธ์ที่ทำกำไรได้อย่างค่อนข้างมั่นคงในสภาพตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน
การขายตรงกันข้ามคืออะไร?
การขายตรงกันข้ามหมายถึงการทำธุรกรรมที่ขัดแย้งกับแนวโน้มของตลาด วิธีนี้มีลักษณะดังนี้:
- แม้ในแนวโน้มขึ้น ก็ทำการขาย
- ในแนวโน้มลง ก็ทำการซื้อ
การขายตรงกันข้ามจะทำการถือครองตำแหน่งตรงข้ามกับการเคลื่อนไหวของตลาดโดยคาดการณ์การกลับตัวของแนวโน้ม เช่น เมื่อราคาหุ้นที่ขึ้นชั่วคราวตกลงในระยะสั้น การใช้โอกาสนั้นเพื่อทำการซื้อ ถือเป็นกลยุทธ์ การขายตรงกันข้ามสามารถให้ผลตอบแทนสูงเมื่อสำเร็จ แต่ก็มีความเสี่ยง ดังนั้นการตัดสินใจต้องระมัดระวัง
สรุปความแตกต่างพื้นฐาน
ความแตกต่างพื้นฐานระหว่างการซื้อตามแนวโน้มและการขายตรงกันข้ามถูกจัดระเบียบในตารางด้านล่าง:
ลักษณะ | การซื้อตามแนวโน้ม | การขายตรงกันข้าม |
---|---|---|
ทิศทางกลยุทธ์ | ตามแนวโน้ม | ขัดแย้งกับแนวโน้ม |
เวลาทำธุรกรรม | ตัดสินใจเข้าตามการต่อเนื่องของแนวโน้ม | เข้าตามการกลับตัวของแนวโน้ม |
ความเสี่ยง | ความเสี่ยงจากการเข้าใจผิดแนวโน้ม | ความเสี่ยงจากการสูญเสียในแนวโน้มที่แข็งแกร่งสูง |
สไตล์การลงทุน | วิธีการที่เรียบง่ายและสัญชาตญาณ | สไตล์ที่ซับซ้อนต้องการความสามารถวิเคราะห์สูง |
ดังนั้น การซื้อตามแนวโน้มและการขายตรงกันข้ามมีแนวทางที่แตกต่างกัน และขึ้นอยู่กับลักษณะและประสบการณ์ของนักลงทุนว่าตัวใดเหมาะสม การซื้อตามแนวโน้มมักแนะนำให้กับผู้เริ่มต้น แต่การเข้าใจและปฏิบัติตามการขายตรงกันข้ามจะช่วยให้คุณสามารถพัฒนากลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น
2. ควรเลือกแบบไหนสำหรับมือใหม่? เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีและข้อเสียของการตามแนวโน้ม
ข้อดี
- การยืนยันแนวโน้มง่าย: การตามแนวโน้มทำการซื้อขายหลังจากยืนยันแนวโน้มขึ้นหรือลง ทำให้เข้าใจการเคลื่อนไหวของตลาดได้ง่าย
- การจัดการความเสี่ยงง่าย: เนื่องจากตามกระแสตลาดจุดตัดขาดทุนและทำกำไรสามารถตั้งค่าได้ชัดเจน ทำให้ภาระทางจิตใจน้อย
- เหมาะสำหรับมือใหม่: สำหรับผู้เริ่มต้นการลงทุน การตามแนวโน้มเป็นสไตล์ที่ทำการซื้อขายง่ายและเรียนรู้ได้ง่าย สามารถอ้างอิงเส้นสนับสนุนและเส้นต้านทาน ทำให้ง่ายต่อการวิเคราะห์
ข้อเสีย
- มีโอกาสพลาดกำไร: เนื่องจากตามแรงตลาด อาจพลาดช่วงขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว
- ไวต่อการเปลี่ยนแนวโน้ม: หากแนวโน้มกลับอย่างฉับพลัน มีความเสี่ยงต่อการขาดทุนอย่างรวดเร็ว
ข้อดีและข้อเสียของการต้านทาน
ข้อดี
- สามารถซื้อในราคาต่ำ: เมื่อราคาตลาดลดลง การต้านทานทำให้มีโอกาสซื้อหุ้นในราคาที่ถูก
- พัฒนาทักษะจับการเปลี่ยนแปลงของตลาด: การต้านทานช่วยฝึกทักษะในการระบุการกลับตัวของตลาด ซึ่งในระยะยาวอาจเป็นประโยชน์
ข้อเสีย
- ต้องการประสบการณ์: การต้านทานมีความยากสูง ไม่เหมาะกับมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ การตัดสินใจเมื่อใดจะเข้าต้องการความชำนาญ
- ความเสี่ยงขยายขาดทุน: ตำแหน่งจากการต้านทานอาจขาดทุนมากหากตลาดต่อเนื่องลง การเริ่มต้นมือใหม่อาจพลาดจุดตัดขาดทุนที่เหมาะสม
แบบไหนเหมาะกับมือใหม่?
เมื่อทำการลงทุนหุ้นครั้งแรกโดยทั่วไป การตามแนวโน้ม เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การตามแนวโน้มทำการลงทุนตามกระแส ทำให้หลีกเลี่ยงการตัดสินใจอารมณ์และสามารถทำกำไรได้ง่าย ส่วนนั้น การต้านทานต้องการจับจังหวะการกลับตัว และโดยเฉพาะมือใหม่มีความยากสูง
ดังนั้น เนื่องจากสไตล์การลงทุนแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียเฉพาะตัว จึงสำคัญสำหรับมือใหม่ที่เลือกวิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์และเป้าหมายของตนเอง
3. จุดเข้าเทรดตามแนวโน้มและเคล็ดลับความสำเร็จ
การเทรดตามแนวโน้มคือสไตล์การซื้อขายที่สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด โดยในกรณีของแนวโน้มขึ้นจะซื้อ และในกรณีของแนวโน้มลงจะขาย การประสบความสำเร็จในการเทรดตามแนวโน้มจำเป็นต้องระบุจุดเข้าเทรดอย่างแม่นยำ ในที่นี้เราจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับจุดเข้าเทรดและเคล็ดลับต่าง ๆ ของการเทรดตามแนวโน้ม
ตรวจสอบจุดเข้าเทรด
หลักการพื้นฐานในการระบุจุดเข้าเทรดตามแนวโน้มคือการถือว่าตัวแปรแนวโน้มจะต่อเนื่อง ดึงดูดจุดเวลาในการเข้าเทรดจากข้อควรพิจารณาต่อไปนี้
-
ซื้อในจุดดันลง: เป็นวิธีการเข้าเทรดเมื่อราคาลดลงชั่วคราวในช่วงแนวโน้มขึ้น การซื้อในช่วงเวลานี้จะทำให้ได้กำไรง่ายขึ้นเมื่อแนวโน้มกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
-
ขายเมื่อราคากลับขึ้น: เมื่ออยู่ในแนวโน้มลง ราคาขึ้นชั่วคราว เราเข้าเทรดโดยขาย ในช่วงเวลานี้จะช่วยให้สามารถทำกำไรเมื่อแนวโน้มกลับมาเพิ่มอีกครั้ง
-
เมื่อเบรกเส้นแนวโน้ม: ถ้าราคาขึ้นหลังจากทดสอบเส้นสนับสนุนของแนวโน้มขึ้น การผ่านเส้นแนวโน้มในช่วงเวลานั้นถือเป็นจุดเข้าเทรดที่มีศักยภาพ
เคล็ดลับในการทำให้การเทรดตามแนวโน้มประสบความสำเร็จ
มีเคล็ดลับหลายประการในการประสบความสำเร็จในการเทรดตามแนวโน้ม การนำไปปฏิบัติมีโอกาสทำกำไรได้อย่างมั่นคงมากขึ้น
ใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค
-
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการแสดงทิศทางของแนวโน้ม เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นข้ามเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว แสดงว่ามีแนวโน้มขึ้นสูง
-
MACD: เป็นตัวชี้วัดที่ใช้จับการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มได้เร็ว เมื่อค่าตัวชี้วัดนี้เกินเส้นสัญญาณ จะเป็นสัญญาณให้เข้าเทรดซื้อ
กำจัดอารมณ์
เมื่ออารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องในการซื้อขาย การตัดสินใจอย่างเยือกเย็นจะยากขึ้นและอาจทำให้เกิดการเข้าเทรดผิดพลาด การตั้งค่าระดับหยุดขาดทุนล่วงหน้าและปฏิบัติตามจะช่วยลดภาระทางจิตใจ
การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม
เมื่อทำการเทรดตามแนวโน้ม จำเป็นต้องมีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ระบุจำนวนเงินที่คุณสามารถรับได้เมื่อขาดทุน และตั้งขนาดตำแหน่งตามนั้นเป็นสิ่งสำคัญ
ความสำคัญของการจับจังหวะ
โดยเฉพาะในการเทรดตามแนวโน้ม การจับจังหวะของจุดเข้าเทรดมักเป็นปัจจัยที่กำหนดผลสำเร็จ ลองหลีกเลี่ยงการพยายามจับจังหวะเกินไป และพยายามเข้าเทรดตามสัญญาณที่มั่นคง
เมื่อใส่ใจในจุดสำคัญเหล่านี้ จะเปิดทางให้การเทรดตามแนวโน้มประสบความสำเร็จ ใช้เคล็ดลับเหล่านี้ในการซื้อขายจริงและพัฒนาสไตล์ของคุณต่อไป
4. วิธีและช่วงเวลาที่ชนะด้วยการซื้อขายตรงข้าม
เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการซื้อขายตรงข้าม จำเป็นต้องเข้าใจจังหวะการเข้าซื้อขายที่ถูกต้องและวิธีการที่มีประสิทธิภาพ และนำไปใช้ในตลาดจริงอย่างมีประสิทธิผล ในที่นี้เราจะแนะนำจุดสำคัญเพื่อกำหนดวิธีการและจุดเข้าซื้อขายที่เฉพาะเจาะจง
ความสำคัญของจังหวะการเข้าซื้อขาย
การซื้อขายตรงข้ามเป็นสไตล์การทำธุรกรรมที่ต่อต้านแนวโน้มของตลาด ดังนั้นจังหวะการเข้าซื้อขายจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับจังหวะที่ควรทำการซื้อขายตรงข้ามมีดังต่อไปนี้
-
จุดกลับตัวของตลาดในช่วงช่วงราคา
ในตลาดช่วงราคา ราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงที่กำหนดและมักจะกลับตัวที่ระดับสูงสุดหรือระดับต่ำสุด จึงควรทำการเข้าซื้อขายโดยคำนึงถึงเส้นสนับสนุนและเส้นต้านทานที่สร้างขึ้นในอดีต -
การกลับตัวหลังการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนแปลงราคาอย่างกะทันหันจากการประกาศตัวชี้วัดเศรษฐกิจหรือคำพูดของบุคคลสำคัญมอบโอกาสในการเข้าซื้อขายใหม่ เช่น หากเกิดการลดลงอย่างมาก ควรซื้อที่ราคาต่ำสุดแล้วใช้การกลับตัวหลังจากนั้นเพื่อทำกำไร -
การใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค
การใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น RSI (Relative Strength Index) หรือ Bollinger Bands สามารถวิเคราะห์สถานะตลาดว่า ‘ถูกซื้อเกินไป’ หรือ ‘ถูกขายเกินไป’ ได้ โดยเฉพาะเมื่อ RSI ต่ำกว่า 30% จะมีแนวโน้มกลับตัวสูง
วิธีการซื้อขายตรงข้ามที่เฉพาะเจาะจง
มีวิธีหลายอย่างเพื่อดำเนินการซื้อขายตรงข้ามอย่างมีประสิทธิภาพ
การตั้งเป้าหมายการกลับตัว
กลยุทธ์นี้มุ่งหวังการกลับตัวหลังการลดลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่ในช่วงช่วงราคา จะซื้อใกล้เส้นสนับสนุนในช่วงการลดลงแล้วขายเมื่อราคาฟื้นตัว
- ตัวอย่าง:
- เมื่อราคาหุ้นต่ำกว่าระยะสนับสนุน ควรพิจารณาซื้อใกล้บริเวณนั้น
- หลังจากนั้นเมื่อราคาหุ้นกลับตัวและกลับสู่ช่วงราคาเดิม ควรขายเพื่อทำกำไร
การซื้อขายข่าว
เป็นวิธีการซื้อขายที่อิงตามข่าวสำคัญหรือตัวชี้วัดเศรษฐกิจ ประเมินการตอบสนองของตลาดหลังจากประกาศข่าวอย่างรวดเร็วและเปิดตำแหน่งซื้อขายตรงข้าม
- ตัวอย่าง:
- หลังจากประกาศตัวชี้วัดเศรษฐกิจ หากราคาหุ้นชั่วคราวขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรขายโดยคาดการณ์การปรับตัวหลังจากนั้น
- หากราคาหุ้นลดลงอย่างรวดเร็ว ควรพิจารณาซื้อที่ราคาต่ำสุด
ข้อควรระวัง
ควรตรวจสอบข้อควรระวังในการดำเนินการซื้อขายตรงข้ามด้วย
-
การตั้งเส้นตัดขาดทุน
การซื้อขายตรงข้ามเป็นวิธีการที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้นจึงสำคัญที่จะตั้งเส้นตัดขาดทุนล่วงหน้าและไม่ให้ความรู้สึกมีอิทธิพล -
การประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว
ควรจับข่าวและแนวโน้มตลาดอย่างรวดเร็วและทำการตัดสินใจเข้าซื้อขายอย่างแม่นยำ เพื่อไม่พลาดจังหวะการเข้าซื้อขายที่เหมาะสม
เมื่อเข้าใจวิธีการและจุดสำคัญเหล่านี้แล้ว คุณจะสามารถดำเนินการกลยุทธ์ซื้อขายตรงข้ามที่มีประสิทธิภาพได้ การสังเกตการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างระมัดระวังและปรับเปลี่ยนวิธีการอย่างยืดหยุ่นจะนำไปสู่ความสำเร็จ
5. ประเภทนักลงทุน! ใครเหมาะกับคุณ?
มีสไตล์การลงทุนหุ้นหลายแบบ การหากลยุทธ์ที่เหมาะกับตัวเองเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ ดังนั้น มาดูประเภทนักลงทุนที่เหมาะกับ ตามแนวโน้ม และ ต้านกระแส กัน
นักลงทุนที่เหมาะกับการตามแนวโน้ม
การตามแนวโน้มเป็นสไตล์การลงทุนที่ทำตามกระแสของตลาด วิธีนี้เหมาะกับนักลงทุนต่อไปนี้
-
คนที่สามารถระบุแนวโน้มระยะสั้นได้
เพื่อทำการตามแนวโน้ม จำเป็นต้องเข้าใจการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นและแนวโน้มอย่างชัดเจน ความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความสามารถในการตัดสินใจอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ -
คนที่ชอบความเสถียร
การตามแนวโน้มทำตามการเคลื่อนไหวของตลาด จึงสามารถทำกำไรอย่างเสถียรโดยลดความเสี่ยงได้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงให้ต่ำที่สุด -
คนที่ไม่มีเวลามากพอ
หากมีเวลาจำกัดในการลงทุนหุ้น การตามแนวโน้มเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากทำการเข้าตามแนวโน้มของตลาดโดยไม่ต้องวิเคราะห์ซับซ้อนมาก
นักลงทุนที่เหมาะกับการต้านกระแส
การต้านกระแสเป็นสไตล์การลงทุนที่ซื้อเมื่อราคาหุ้นกำลังลดลง มุ่งหวังผลตอบแทนสูงแต่ก็มีความเสี่ยงสูง วิธีนี้เหมาะกับนักลงทุนต่อไปนี้
-
คนที่สามารถตัดสินใจอย่างสงบได้
การต้านกระแสต้องมีความกล้าที่จะลงทุนเมื่อตลาดกำลังลดลงอย่างรุนแรง ความสามารถในการตัดสินใจอย่างสงบเมื่อผู้อื่นกลัวและทำการดำเนินการเป็นสิ่งสำคัญ -
คนที่มีความสามารถวิเคราะห์
ต้องวิเคราะห์มูลค่าของบริษัทด้วยตนเองและระบุราคาหุ้นที่เหมาะสมได้ การไม่หลงใหลในการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นและทำการลงทุนตามการประเมินของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ -
คนที่มีความอดทน
ในกลยุทธ์ต้านกระแสอาจมีการขาดทุนชั่วคราว ดังนั้นความอดทนที่สามารถมองผลกำไรในมุมมองระยะยาวโดยไม่ตื่นเต้นกับผลลัพธ์ระยะสั้นเป็นสิ่งจำเป็น
คุณเป็นประเภทใด?
การเลือกสไตล์การลงทุนที่ตรงกับบุคลิกและวิถีชีวิตของตัวเองเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จในการลงทุนหุ้น เมื่อกำหนดสไตล์การลงทุน ควรประเมินอย่างรอบคอบว่าตัวเองเหมาะกับกลยุทธ์ใด และทำการตัดสินใจลงทุนที่ดีกว่าเป็นสิ่งสำคัญ
まとめ
การซื้อตามแนวโน้ม (順張り) และการซื้อตรงกันข้าม (逆張り) เป็นสไตล์การลงทุนที่มีลักษณะต่างกัน การซื้อตามแนวโน้มเป็นวิธีการทำธุรกรรมตามกระแสตลาด ซึ่งเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น แต่การทำกำไรใหญ่จะยากขึ้น อีกด้านหนึ่ง การซื้อตรงกันข้ามเป็นการทำธุรกรรมในเวลาที่เหมาะสมโดยไม่พลาดการกลับตัวของตลาด ซึ่งอาจทำให้ได้ผลตอบแทนสูง แต่ความเสี่ยงก็สูงขึ้น นักลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าเทคนิคใดเหมาะกับตัวเองตามลักษณะนิสัย เป้าหมาย และประสบการณ์ และนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง การเข้าใจสไตล์การลงทุนเหล่านี้และค้นหาแนวทางที่เหมาะสมกับตัวเองจะช่วยให้สามารถทำการลงทุนในหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
ความแตกต่างระหว่างการซื้อขายตามแนวโน้มและการซื้อขายตรงกันข้ามคืออะไร?
การซื้อขายตามแนวโน้มทำการซื้อขายตามแนวโน้ม ในขณะที่การซื้อขายตรงกันข้ามทำการซื้อขายตรงกันข้ามกับแนวโน้ม การซื้อขายตามแนวโน้มสามารถทำกำไรได้อย่างมั่นคง แต่การซื้อขายตรงกันข้ามอาจทำกำไรได้มาก แต่ก็มีความเสี่ยงสูงขึ้น ขึ้นอยู่กับลักษณะและประสบการณ์ของนักลงทุนว่าแบบไหนเหมาะสม
สำหรับผู้เริ่มต้น แบบไหนเหมาะสมกว่า?
โดยทั่วไป แนะนำให้ผู้เริ่มต้นใช้สไตล์การซื้อขายตามแนวโน้ม เพราะมันง่ายต่อการเข้าใจแนวโน้มตลาดและการจัดการความเสี่ยงที่ง่ายกว่า ทำให้เหมาะกับผู้เริ่มต้น ในขณะที่การซื้อขายตรงกันข้ามต้องการความสามารถวิเคราะห์และการตัดสินใจขั้นสูง จึงไม่เหมาะกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์น้อย
วิธีการระบุจุดเข้าซื้อขายของการซื้อขายตามแนวโน้มคืออะไร?
ในการซื้อขายตามแนวโน้ม การเข้าซื้อขายที่อิงกับการต่อเนื่องของแนวโน้มเป็นสิ่งสำคัญ การใช้สัญญาณเช่น การซื้อในจุดลดราคา การขายในจุดกลับตัว การเบรกผ่านเส้นแนวโน้มเป็นตัวช่วยในการจับจังหวะเข้าซื้อขาย นอกจากนี้ การใช้ตัวชี้วัดเทคนิคเช่นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และ MACD และพยายามตัดสินใจอย่างเย็นชาโดยไม่ให้อารมณ์เข้ามาเป็นปัจจัยก็เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ
วิธีการเฉพาะเจาะจงเพื่อชนะในการซื้อขายตรงกันข้ามคืออะไร?
ในการซื้อขายตรงกันข้าม การจับจุดกลับตัวของตลาดอย่างแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญ มีวิธีหลายอย่าง เช่น การกลับตัวในตลาดช่วงรันจ์ การกลับตัวหลังการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็ว การใช้ตัวชี้วัดเทคนิค ฯลฯ โดยเฉพาะการตั้งเป้าหมายรีบาวนด์และการซื้อขายข่าวสารเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการซื้อขายตรงกันข้ามมีความเสี่ยงสูง จึงควรกำหนดระดับการตัดขาดทุนล่วงหน้าและระมัดระวังไม่ให้อารมณ์มีอิทธิพล
เว็บไซต์อ้างอิง
FXのエントリーポイントが分からない方は、順張りと逆張りのポイントを理解することが重要です。利益を狙うコツや損失を防ぐた…
目指せ億トレ、頑張り投資家さんの稼ぎ技 伊達屋酔狂さんの場合-最終回登場する銘柄いちご<2337>、マーケットE<313…
前回(第353回)のコラムにて、逆張り・順張りのそれぞれのメリットおよびデメリットを比較してみました。そもそも「逆張り」…