- 1 1. บทนำ
- 2 2. เงินมาร์จิ้นคืออะไร? มาทำความเข้าใจกลไกพื้นฐานกัน
- 3 3. หลักประกันส่วนเกินคืออะไร? วิธีการคำนวณและตัวอย่างเฉพาะ
- 4 4. ความสำคัญและบทบาทของเงินทุนส่วนเกิน
- 5 5. วิธีการเฉพาะเจาะจงเพื่อเพิ่มเงินทุนส่วนเกิน
- 6 6. ความสัมพันธ์ระหว่างเงินประกันส่วนเกินและอัตราส่วนการรักษาเงินประกัน
- 7 7. สรุปและขั้นตอนถัดไป
- 8 8. FAQ: คำถามที่พบบ่อย
- 9 เว็บไซต์อ้างอิง
1. บทนำ
ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำการซื้อขาย FX อาจได้ยินคำว่า “เงินประกัน” บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินคำว่า “เงินประกันส่วนเกิน” หลายคนอาจไม่สามารถนึกภาพออกได้ใช่ไหม ในบทความนี้ เราจะอธิบายอย่างละเอียดตั้งแต่กลไกพื้นฐานของเงินประกันส่วนเกิน ความสำคัญ และวิธีการนำไปใช้ การจัดการความเสี่ยงที่ขาดไม่ได้สำหรับความสำเร็จในการซื้อขาย FX ก็เป็นเนื้อหาที่สามารถเรียนรู้ได้เช่นกัน จากผู้เริ่มต้นถึงระดับกลาง โปรดอ่านจนจบ
2. เงินมาร์จิ้นคืออะไร? มาทำความเข้าใจกลไกพื้นฐานกัน
ประเภทพื้นฐานของเงินมาร์จิ้น
เงินมาร์จิ้นมีหลายประเภท และจำเป็นต้องเข้าใจบทบาทของแต่ละประเภท
- เงินฝากหลักประกัน
คือเงินที่นักลงทุนฝากกับบริษัท FX เงินนี้เป็นทุนเริ่มต้นสำหรับการทำธุรกรรม - เงินมาร์จิ้นที่จำเป็น
คือเงินขั้นต่ำที่จำเป็นสำหรับการถือสถานะใหม่ จำนวนเงินจะแตกต่างกันไปตามปริมาณการซื้อขาย คู่สกุลเงิน และเลเวอเรจ - เงินมาร์จิ้นที่มีประสิทธิภาพ
คือจำนวนเงินที่คำนวณจากเงินฝากหลักประกันบวกกำไรขาดทุนที่ประเมินแล้ว จะเปลี่ยนแปลงตามว่าสถานะปัจจุบันกำลังทำกำไรหรือขาดทุน - เงินมาร์จิ้นส่วนเกิน
คือจำนวนเงินที่เหลือหลังหักเงินมาร์จิ้นที่จำเป็นจากเงินมาร์จิ้นที่มีประสิทธิภาพ ยิ่งจำนวนนี้มาก ยิ่งมีช่องว่างสำหรับทำธุรกรรมใหม่
กลไกของเงินมาร์จิ้น
ตัวอย่างเช่น หากคุณฝากเงิน 100,000 เยนในบัญชี FX และซื้อ 10,000 ดอลลาร์ (มูลค่า 1 ล้านเยน) เมื่ออัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์ = 100 เยน หากเลเวอเรจอยู่ที่ 10 เท่า เงินมาร์จิ้นที่จำเป็นจะเป็น 100,000 เยน หลังจากทำธุรกรรม หากตลาดเคลื่อนไหว เงินมาร์จิ้นที่มีประสิทธิภาพจะเปลี่ยนแปลง และเงินมาร์จิ้นส่วนเกินก็จะเปลี่ยนไปตามนั้น
3. หลักประกันส่วนเกินคืออะไร? วิธีการคำนวณและตัวอย่างเฉพาะ
วิธีการคำนวณ
คุณสามารถคำนวณหลักประกันส่วนเกินได้โดยใช้สูตรการคำนวณต่อไปนี้
หลักประกันส่วนเกิน = หลักประกันที่มีประสิทธิภาพ - หลักประกันที่จำเป็น
ตัวอย่างการคำนวณ
นี่คือตัวอย่างเฉพาะ
- หลักประกันที่ฝาก: 1,000,000 เยน
- กำไร/ขาดทุนจากการประเมิน: +100,000 เยน
- กำไร/ขาดทุนจากสวอป: -50,000 เยน
- หลักประกันที่จำเป็น: 500,000 เยน
ในกรณีนี้ หลักประกันที่มีประสิทธิภาพจะถูกคำนวณดังนี้:
หลักประกันที่มีประสิทธิภาพ = หลักประกันที่ฝาก + กำไร/ขาดทุนจากการประเมิน + กำไร/ขาดทุนจากสวอป = 1,000,000 เยน + 100,000 เยน - 50,000 เยน = 1,050,000 เยน
ต่อไป คำนวณหลักประกันส่วนเกิน
หลักประกันส่วนเกิน = หลักประกันที่มีประสิทธิภาพ - หลักประกันที่จำเป็น = 1,050,000 เยน - 500,000 เยน = 550,000 เยน
ในตัวอย่างนี้ หลักประกันส่วนเกินคือ 550,000 เยน ซึ่งเป็นกำลังสำรองสำหรับการทำธุรกรรมใหม่
4. ความสำคัญและบทบาทของเงินทุนส่วนเกิน
การรักษาสภาพคล่องในการเทรด
ยิ่งเงินทุนส่วนเกินมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเงินทุนมากสำหรับการเปิดตำแหน่งใหม่ ดังนั้นจึงสามารถทำการเทรดโดยไม่พลาดโอกาสในตลาดได้
การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของการตัดขาดทุน
หากเงินทุนส่วนเกินน้อย ในกรณีที่ตลาดผันผวนอย่างรวดเร็ว ความเสี่ยงที่การตัดขาดทุน (การชำระบังคับ) จะถูกเรียกใช้จะสูงขึ้น ดังนั้นจึงสำคัญที่จะรักษาเงินทุนส่วนเกินให้เหมาะสม
ความมั่นคงทางจิตใจ
หากมีเงินทุนส่วนเกินเพียงพอ ความกังวลและความเครียดในการเทรดจะลดลง จากนั้นจะสามารถตัดสินใจอย่างเยือกเย็นได้
5. วิธีการเฉพาะเจาะจงเพื่อเพิ่มเงินทุนส่วนเกิน
การฝากเงินเพิ่มเติมสำหรับเงินทุนประกัน
วิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมาที่สุดคือการฝากเงินเพิ่มเติมลงในบัญชี FX
- ข้อดี:
เงินทุนส่วนเกินจะเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการตัดขาดทุนและสร้างความยืดหยุ่นสำหรับการเทรดใหม่ - ข้อควรระวัง:
เป็นวิธีที่จำกัดเฉพาะกรณีที่มีเงินทุนเหลือเฟือ และควรหลีกเลี่ยงการฝากเงินเกินตัว
การปรับขนาดตำแหน่ง
โดยการตรวจสอบตำแหน่งปัจจุบันและลดปริมาณการเทรด สามารถลดเงินทุนประกันที่จำเป็นได้
- ตัวอย่าง:
การใช้เลเวอเรจต่ำและเทรดในปริมาณน้อยเพื่อจัดการความเสี่ยง - ผลลัพธ์:
เงินทุนประกันที่จำเป็นจะลดลง ทำให้เงินทุนส่วนเกินเพิ่มขึ้น
หลีกเลี่ยงเลเวอเรจสูง
เลเวอเรจที่สูงจะทำให้สามารถเทรดขนาดใหญ่ด้วยเงินทุนประกันน้อย แต่ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
- คำแนะนำสำหรับเลเวอเรจต่ำ:
การตั้งค่าเลเวอเรจให้ต่ำจะช่วยป้องกันไม่ให้เงินทุนประกันที่จำเป็นสูงเกินไป
การปิดตำแหน่งที่ไม่จำเป็น
โดยการปิดตำแหน่งที่มีขาดทุนลอยตัวมาก สามารถลดเงินทุนประกันที่จำเป็นและฟื้นฟูเงินทุนส่วนเกินได้
- กรณีตัวอย่าง:
ในกรณีที่ทิศทางตลาดแตกต่างจากที่คาดการณ์ไว้มาก ให้ยอมรับขาดทุนเพื่อปกป้องเงินทุน
การใช้เครื่องมือเทรดอัตโนมัติ
การใช้เครื่องมือเทรดอัตโนมัติจะช่วยให้สามารถเทรดได้อย่างเหมาะสมโดยไม่ถูกอารมณ์ครอบงำ
- ตัวอย่างเฉพาะ:
การใช้เครื่องมือที่มีฟังก์ชันจัดการความเสี่ยงเพื่อปรับเงินทุนประกันขณะดำเนินการ
6. ความสัมพันธ์ระหว่างเงินประกันส่วนเกินและอัตราส่วนการรักษาเงินประกัน
วิธีการคำนวณอัตราส่วนการรักษาเงินประกัน
อัตราส่วนการรักษาเงินประกันคือตัวชี้วัดที่แสดงว่าเงินประกันที่มีประสิทธิภาพปัจจุบันเทียบเท่ากับเงินประกันที่จำเป็นกี่เท่า สามารถคำนวณได้ด้วยสูตรการคำนวณต่อไปนี้
อัตราส่วนการรักษาเงินประกัน (%) = (เงินประกันที่มีประสิทธิภาพ ÷ เงินประกันที่จำเป็น) × 100
ความสำคัญของอัตราส่วนการรักษาเงินประกัน
- กรณีที่อัตราส่วนสูง:
ความเสี่ยงของการตัดขาดทุนต่ำ และมีกำลังเหลือในการเปิดตำแหน่งใหม่ - กรณีที่อัตราส่วนต่ำ:
ความเสี่ยงของการตัดขาดทุนสูงขึ้น และการดำเนินการซื้อขายจะยากลำบาก
ความสัมพันธ์ในตัวอย่างจริง
ตัวอย่างเช่น พิจารณาสภาวะต่อไปนี้
- เงินประกันที่มีประสิทธิภาพ: 120 หมื่นเยน
- เงินประกันที่จำเป็น: 40 หมื่นเยน
ในกรณีนี้ อัตราส่วนการรักษาเงินประกันจะถูกคำนวณดังนี้
อัตราส่วนการรักษาเงินประกัน = (120 หมื่นเยน ÷ 40 หมื่นเยน) × 100 = 300%
หากอัตราส่วนอยู่ที่ 300% ถือว่าอยู่ในสถานะที่มีเงินประกันส่วนเกินเพียงพอ
7. สรุปและขั้นตอนถัดไป
การทบทวนความสำคัญของเงินทุนส่วนเกิน
- การรักษาความสามารถในการเทรด: เงินทุนส่วนเกินมากเท่าไร ก็ยิ่งเปิดตำแหน่งใหม่ได้ง่ายขึ้น และไม่พลาดโอกาสในตลาดมากเท่านั้น
- การจัดการความเสี่ยง: การรักษาเงินทุนส่วนเกินให้เพียงพอจะช่วยลดความเสี่ยงจากการตัดขาดทุนได้อย่างมาก
- ความมั่นคงทางจิตใจ: การมีเงินทุนที่เหลือเฟือจะช่วยให้สามารถเทรดด้วยความสงบได้
ขั้นตอนถัดไป
- การทบทวนการเทรด: ตรวจสอบขนาดตำแหน่งปัจจุบันและอัตราส่วนรักษาเงินมาร์จิ้น เพื่อให้การเทรดไม่เกินตัว
- การศึกษาลึกซึ้ง: เพื่อเพิ่มความรู้เกี่ยวกับเงินทุนส่วนเกินและการจัดการความเสี่ยง โปรดใช้หนังสือ FX ที่น่าเชื่อถือหรือเซมินาร์ออนไลน์
- การใช้เครื่องมือ: แนะนำให้ลองใช้แพลตฟอร์มการเทรดที่มีเครื่องมือเทรดอัตโนมัติหรือฟังก์ชันจัดการความเสี่ยง
การจัดการเงินทุนส่วนเกินอย่างเหมาะสมคือกุญแจสู่กำไรที่มั่นคงและความสำเร็จในการเทรดระยะยาว
8. FAQ: คำถามที่พบบ่อย
Q1: เงินทุนส่วนเกินจะติดลบได้หรือไม่?
A1: โดยปกติ เงินทุนส่วนเกินจะไม่ติดลบ อย่างไรก็ตาม หากส่วนของทุนต่ำกว่าเงินทุนที่จำเป็น อาจเกิดการตัดขาดทุน (การปิดตำแหน่งโดยบังคับ) โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวนอย่างรวดเร็ว ต้องระมัดระวัง
Q2: ความแตกต่างระหว่างเงินทุนที่จำเป็นและเงินทุนส่วนเกินคืออะไร?
A2: เงินทุนที่จำเป็นคือเงินทุนขั้นต่ำที่จำเป็นสำหรับการถือครองตำแหน่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณการซื้อขายและเลเวอเรจ ในขณะที่เงินทุนส่วนเกินคือจำนวนเงินที่ได้จากการหักเงินทุนที่จำเป็นออกจากส่วนของทุน ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการเปิดตำแหน่งใหม่
Q3: มีวิธีใดบ้างในการรักษาอัตราส่วนการรักษาเงินทุนให้สูง?
A3: สามารถรักษาอัตราส่วนการรักษาเงินทุนให้สูงได้ด้วยวิธีต่อไปนี้:
- ปิดตำแหน่งที่ไม่จำเป็นเพื่อลดเงินทุนที่จำเป็น
- ฝากเงินทุนเพิ่มเติม
- ลดปริมาณการซื้อขายเพื่อควบคุมเลเวอเรจ
Q4: เงินทุนส่วนเกินมากทำให้การซื้อขายปลอดภัยหรือไม่?
A4: ใช่ ยิ่งเงินทุนส่วนเกินมากเท่าไหร่ การซื้อขายก็ยิ่งปลอดภัย โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวนอย่างรวดเร็ว สามารถรับมือได้อย่างมีเหลือเฟือ จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการตัดขาดทุน
Q5: สามารถตรวจสอบเงินทุนส่วนเกินได้ที่ไหน?
A5: บริษัท FX หลายแห่งสามารถตรวจสอบเงินทุนส่วนเกินได้ผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายหรือหน้าจอจัดการบัญชี ซึ่งจะอัปเดตแบบเรียลไทม์ ดังนั้นจึงสำคัญที่จะต้องติดตามอย่างต่อเนื่องแม้ระหว่างการซื้อขาย
เว็บไซต์อ้างอิง
株価指数CFDの取引を行う際に、どのくらいの資金が必要かをご紹介しています。取引を行う際は、相場が短期的に反対方向に向か…