สวัสดีครับ/ค่ะ เทรดเดอร์ FX ทุกท่าน วันนี้เราจะมาพูดถึงลักษณะและข้อควรระวังของตลาด FX ในแต่ละเดือน ปลายเดือน-ต้นเดือน และวันจันทร์ต้นสัปดาห์ ตลาดอาจมีการเคลื่อนไหวแตกต่างกันไปตามเดือน วัน หรือช่วงเวลา การเข้าใจจุดนี้จะช่วยให้การเทรดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เราจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมของตลาดและสิ่งที่ควรใส่ใจในแต่ละช่วง ขอให้บทความนี้เป็นประโยชน์กับทุกท่านครับ/ค่ะ
- 1 1. ลักษณะการเคลื่อนไหวของราคา FX ในช่วงปลายเดือน-ต้นเดือน
- 1.1 ลักษณะของเดือนมกราคม
- 1.2 ลักษณะของเดือนกุมภาพันธ์
- 1.3 ลักษณะของเดือนมีนาคม
- 1.4 ลักษณะของเดือนเมษายน
- 1.5 ลักษณะของเดือนพฤษภาคม
- 1.6 ลักษณะของเดือนมิถุนายน
- 1.7 ลักษณะของเดือนกรกฎาคม
- 1.8 ลักษณะของเดือนสิงหาคม
- 1.9 ลักษณะของเดือนกันยายน
- 1.10 ลักษณะของเดือนตุลาคม
- 1.11 ลักษณะของเดือนพฤศจิกายน
- 1.12 ลักษณะของเดือนธันวาคม
- 2 2. ทำไมต้องระวังช่วงปลายเดือน-ต้นเดือน
- 3 3. ข้อควรระวังในการเทรด FX วันจันทร์
- 4 4. ข้อควรระวังเกี่ยวกับ London Fix
- 5 5. แนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาตามวันในสัปดาห์
- 6 สรุป
- 7 คำถามที่พบบ่อย
- 8 บทความที่เกี่ยวข้อง
1. ลักษณะการเคลื่อนไหวของราคา FX ในช่วงปลายเดือน-ต้นเดือน
การเทรด FX ในช่วงปลายเดือน-ต้นเดือนมักมีลักษณะเฉพาะของการเคลื่อนไหวราคา การเข้าใจลักษณะเหล่านี้จะช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ลักษณะของเดือนมกราคม
- มกราคมถือเป็นเดือนสำคัญที่มักจะกำหนดแนวโน้มของตลาดตลอดทั้งปี
- ถ้าเป็นขาขึ้น เดือนนี้มักจะเป็นสัญญาณว่าตลอดปีจะเป็นตลาดขาขึ้น และถ้าเป็นขาลง ก็มีโอกาสที่ทั้งปีจะเป็นขาลง
- บ่อยครั้งที่ราคาสูงสุดหรือต่ำสุดของปีจะเกิดขึ้นในเดือนนี้
ลักษณะของเดือนกุมภาพันธ์
- กุมภาพันธ์มักจะเป็นจุดสิ้นสุดของขาขึ้นในเดือนมกราคม หลังจากนั้นตลาดมักจะมีแรงขายและปรับตัวลง
- โดยทั่วไปแนวโน้มจะเป็นขาลงตั้งแต่ต้นเดือนถึงปลายเดือน
ลักษณะของเดือนมีนาคม
- เดือนมีนาคมมักมีแนวโน้มแข็งค่าของเงินเยน
- เพราะบริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากจะปิดงบการเงินในเดือนนี้ จึงมีความต้องการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศกลับเป็นเยน
ลักษณะของเดือนเมษายน
- ในเดือนเมษายนมักมีเงินทุนไหลเข้าตลาด ทำให้ค่าเงินเคลื่อนไหวมากขึ้น
- โดยเฉพาะมักมีแนวโน้มซื้อดอลลาร์ขายเยน ทำให้เยนอ่อนค่า
ลักษณะของเดือนพฤษภาคม
- เดือนพฤษภาคมมักจะมีแนวโน้มเยนแข็งค่า เนื่องจากราคาหุ้นตก
- เกิดแรงขายทำกำไรหลังจากตลาดขาขึ้นในช่วงก่อนหน้า
- อีกทั้งพฤษภาคมยังถือเป็นจุดเปลี่ยนแนวโน้มของตลาดที่สำคัญ
ลักษณะของเดือนมิถุนายน
- มิถุนายนมักถูกเรียกว่า “ช่วงนิ่ง” ของตลาด และมีแนวโน้มที่จะเป็นจุดเปลี่ยนของแนวโน้มราคาทั้งปี
- โอกาสที่ราคาสูงสุดหรือต่ำสุดของปีจะเกิดขึ้นในเดือนนี้ก็มีเช่นกัน
ลักษณะของเดือนกรกฎาคม
- เดือนกรกฎาคมมักมีแนวโน้มเยนอ่อนค่า เนื่องจากมีเงินโบนัสไหลเข้าสู่ตลาด
- สภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น ทำให้ปริมาณเงินลงทุนเพิ่ม ดอลลาร์/เยน มักมีแนวโน้มอ่อนเยน
ลักษณะของเดือนสิงหาคม
- สิงหาคมมักมีแนวโน้มเยนแข็งค่า แต่ในขณะเดียวกันก็มักเกิดช่วงนิ่ง (Summer lull)
- เรียกอีกอย่างว่า “ตลาดหน้าร้อน” เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดของญี่ปุ่น ทำให้ความต้องการเงินเยนสูงขึ้น ดอลลาร์/เยน มักจะมีแนวโน้มลดลง
ลักษณะของเดือนกันยายน
- หลังวันหยุดหน้าร้อนในเดือนกันยายน ตลาดมักเคลื่อนไหวมากขึ้น
- แนวโน้มตลาดที่เกิดขึ้นในช่วงนี้มักจะต่อเนื่องไปถึงราวๆ พฤศจิกายน
ลักษณะของเดือนตุลาคม
- ตุลาคมมักเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง ส่งผลให้เยนแข็งค่าขึ้น
- ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “October Effect” มักเกิดขึ้น ราคาหุ้นลงถึงจุดต่ำสุด และมีแนวโน้มดันเยนอ่อนค่าได้เช่นกัน
ลักษณะของเดือนพฤศจิกายน
- พฤศจิกายนมักเป็นช่วงที่แนวโน้มตลาดก่อนหน้าสิ้นสุดลง นักลงทุนมักจะปรับสถานะหรือขายทำกำไร
- การเทรดต้องระวังการกลับตัวของแนวโน้ม
ลักษณะของเดือนธันวาคม
- ธันวาคมโดยทั่วไปเยนอ่อนค่า แต่ความผันผวนโดยรวมจะน้อยลง
- เนื่องจากวันหยุดคริสต์มาสและปีใหม่ นักลงทุนจำนวนลดลง ตลาดอาจมีความผันผวนมากขึ้น
การเข้าใจลักษณะเฉพาะของแต่ละเดือนจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางกลยุทธ์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การทำนายตลาดไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด
2. ทำไมต้องระวังช่วงปลายเดือน-ต้นเดือน
ในช่วงปลายเดือน-ต้นเดือน มักมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญหรือถ้อยแถลงจากผู้มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อตลาดและทำให้มีจุดเข้าซื้อขายสำคัญเกิดขึ้นบ่อย ส่งผลให้เกิดความผันผวนรุนแรงพร้อมกับการประกาศตัวเลขเหล่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ช่วงปลายเดือน-ต้นเดือนจึงต้องระวังเป็นพิเศษ ต่อไปนี้คือเหตุผลและรายละเอียดที่ควรระวัง
-
ปัจจัยเทคนิคมักไม่ได้ผล
การซื้อขายจริง (ออเดอร์จากความต้องการที่แท้จริง) มีมากในช่วงนี้ ทำให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคบางทีใช้ไม่ได้ผล หากมีผู้เล่นในตลาดน้อย เทคนิคอลจะไม่ค่อยแม่น ดังนั้นช่วงนี้เทรดเดอร์ที่ใช้เทคนิคอลต้องระวังเป็นพิเศษ -
สภาพคล่องลดลง
ช่วงนี้อาจเกิดจากวันหยุดยาวหรือการประกาศตัวเลขสำคัญ สภาพคล่องในตลาดลดลง โดยเฉพาะวันหยุดในอเมริกา ตลาดจะซบเซาหรือเคลื่อนไหวไม่แน่นอน การเทรดต้องตรวจสอบสภาพคล่องให้ดี -
ความผันผวนรุนแรง
การประกาศตัวเลขหรือข่าวสำคัญทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง จุดซื้อขายกระจุกตัว ส่งผลให้ราคาผันผวนสูง แม้จะมีโอกาสกำไร แต่ก็เสี่ยงขาดทุนสูงเช่นกัน ต้องมีแผนจัดการความเสี่ยงที่ดี -
มีโอกาสเปลี่ยนแนวโน้ม
ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหรือถ้อยแถลงสามารถเปลี่ยนทิศทางแนวโน้มของตลาดได้ โดยเฉพาะสถิติจ้างงานของสหรัฐต้นเดือน ตลาดอาจเปลี่ยนเทรนด์ได้อย่างชัดเจน เทรดเดอร์ต้องสังเกตทิศทางอย่างใกล้ชิด -
ความเสี่ยงการเทรดสูง
แม้จะมีโอกาส แต่ก็เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ต้องกำหนดวงเงินและเงื่อนไขการเข้าออกอย่างเข้มงวด
กล่าวโดยสรุป ช่วงปลายเดือน-ต้นเดือนมักมีความผันผวนสูง เทคนิคอลอาจไม่แม่น สภาพคล่องอาจลดลง และมีโอกาสที่แนวโน้มตลาดจะเปลี่ยน ท่านจึงควรติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดและบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด
3. ข้อควรระวังในการเทรด FX วันจันทร์
การเทรด FX ในวันจันทร์มีข้อควรระวังหลายประการ ซึ่งจะขยายความด้านล่างนี้
a. ตลาดผันผวนได้มาก
วันจันทร์ ราคามักสะท้อนข่าวเศรษฐกิจที่ประกาศช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้เกิดความผันผวนที่คาดเดาได้ยาก และอาจนำไปสู่การขาดทุนที่ไม่คาดคิด จึงแนะนำให้เริ่มต้นเทรดวันจันทร์อย่างระมัดระวัง
b. ความแม่นยำของการวิเคราะห์เทคนิคอลลดลง
กราฟวันจันทร์จะไม่มีแท่งเทียนของวันเสาร์-อาทิตย์ ทำให้การวิเคราะห์แนวโน้มหรือจุดรับต้านยากขึ้น ส่งผลให้การทำนายราคาไม่แม่น วันจันทร์จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง
c. เสี่ยงโดนล้างพอร์ตสูง
หากราคาวิ่งรุนแรงในวันจันทร์ อาจเกิดการล้างพอร์ต (Stop Loss) ได้ง่ายกว่าปกติ ระดับ Stop Loss ของแต่ละโบรกเกอร์ต่างกัน จึงควรศึกษานโยบายของโบรกเกอร์ให้ละเอียด นอกจากนี้บางรายอาจเรียกเงินเพิ่มหากพอร์ตติดลบในวันจันทร์ ต้องระวังเป็นพิเศษ
สรุปข้อควรระวังในวันจันทร์: เข้าใจประเด็นเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเทรด สำหรับผู้เริ่มต้นควรเลือกเทรดในวันที่ตลาดนิ่งมากกว่า อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยงการเทรดเพราะยาก ไม่ช่วยให้ทักษะดีขึ้น ต้องเรียนรู้ตลาดและเข้าใจจุดแข็งจุดอ่อนของวันจันทร์ด้วย
4. ข้อควรระวังเกี่ยวกับ London Fix
London Fix คือการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนกลางสำหรับธุรกรรมลูกค้าของสถาบันการเงิน โดยจะเกิดขึ้นทุกวัน แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลายเดือน สิ้นไตรมาส หรือปลายปี ตลาดจะเคลื่อนไหวมาก แต่ทิศทางนั้นคาดเดาได้ยาก
ช่วงเวลาของ London Fix มักเป็นจุดสนใจของนักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มเก็งกำไรซึ่งอาจทำให้ความเคลื่อนไหวรุนแรงยิ่งขึ้น จึงเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงของเทรดเดอร์ ประเด็นสำคัญมีดังนี้
-
เป็นการซื้อขายช่วงสั้น: การเทรด London Fix มักเป็นการซื้อขายในเวลาสั้นๆ เหมาะกับเทรดเดอร์สาย Day trade หรือ Scalping
-
ควรระวังทิศทางตลาด: โดยพื้นฐานแล้วไม่มีแนวโน้มชัดเจน อาจเกิดแรงสวนกับแนวโน้มก่อนหน้าได้ การคาดการณ์เป็นเพียงแนวทาง ไม่ควรเชื่อมั่นมากเกินไป
-
มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง: London Fix ทำให้เกิดความผันผวนสูง อาจได้กำไรเร็ว แต่ก็เสี่ยงขาดทุนเร็ว ต้องจัดการความเสี่ยงให้ดี
-
ดูปัจจัยข่าวและตัวเลขเศรษฐกิจอื่นร่วมด้วย: ควรประกอบการตัดสินใจด้วยปัจจัยอื่นๆ ไม่ควรยึดเฉพาะช่วง London Fix เพียงอย่างเดียว
การเข้าใจจุดนี้จะช่วยให้เทรด London Fix ได้อย่างรอบคอบ เพราะแม้จะผันผวนสูง แต่ทิศทางคาดเดายาก ควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับทักษะและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
5. แนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาตามวันในสัปดาห์
แต่ละวันในสัปดาห์จะมีลักษณะเฉพาะของตลาด FX ด้านล่างนี้คือรายละเอียดแต่ละวัน
ลักษณะและแนวโน้มของวันจันทร์
- มักต่อเนื่องจากแนวโน้มของสัปดาห์ก่อน
- ได้รับผลกระทบจากข่าวช่วงสุดสัปดาห์
- เกิด “Gap” (ช่องว่างระหว่างราคาปิดวันศุกร์กับราคาเปิดวันจันทร์) ได้บ่อย
วันจันทร์ มักต่อเนื่องจากแนวโน้มเดิม หากศุกร์ที่แล้วขาลง จันทร์นี้ก็มักต่อเนื่องขาลง ต้องเช็คข่าวสุดสัปดาห์ให้ดี นอกจากนี้ Gap (ช่องว่างราคา) ก็เกิดบ่อย ซึ่งมักจะปิด Gap ได้ แต่ก็มีความเสี่ยงสูง ต้องระวัง
ลักษณะและแนวโน้มของวันอังคารถึงพฤหัสบดี
- ตลาดค่อนข้างนิ่ง ไม่มีความผันผวนฉับพลันมากนัก
- ช่วงดึกตลาดมักจะเคลื่อนไหวมากขึ้น
- ข่าวหรือถ้อยแถลงสำคัญอาจทำให้ตลาดผันผวน
อังคาร-พฤหัส ตลาดค่อนข้างนิ่ง เหมาะกับมือใหม่ที่จะเทรด ช่วงดึกเหมาะกับเทรดแนวโน้ม แต่ถ้ามีข่าวหรือถ้อยแถลงสำคัญ ตลาดอาจเหวี่ยงแรง ต้องระวัง
ลักษณะและแนวโน้มของวันศุกร์
- เป็นวันสิ้นสัปดาห์ นักลงทุนมักจะปรับสถานะ
- ตลาดบางเบา สภาพคล่องน้อย
- ตลาดผันผวงง่าย
ศุกร์ นักลงทุนมักจะปิดสถานะหรือปรับพอร์ต ตลาดจะบางและผันผวนง่าย การเคลื่อนไหวมักจะไม่แน่นอน นักลงทุนรายใหญ่ทั้งบุคคลและสถาบันอาจเคลื่อนเงินก้อนใหญ่ ทำให้ตลาดเปลี่ยนแปลงแรง ควรระวัง
ทั้งหมดนี้คือลักษณะของแต่ละวันในสัปดาห์ การเข้าใจรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้วางกลยุทธ์เทรดได้เหมาะสมกับวันนั้นๆ
สรุป
การเข้าใจลักษณะเฉพาะของตลาด FX ทั้งในช่วงปลายเดือน-ต้นเดือน และลักษณะตามวันในสัปดาห์ จะช่วยให้วางแผนการเทรดได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในช่วงปลายเดือน-ต้นเดือนมักจะมีการประกาศข้อมูลสำคัญ ตลาดเคลื่อนไหวแรง ต้องเน้นบริหารความเสี่ยง และแต่ละวันก็มีลักษณะเฉพาะที่ควรเรียนรู้และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม การเข้าใจจุดนี้ จะช่วยให้สามารถวางแผนการเทรดให้เหมาะกับความเสี่ยงและทักษะของแต่ละคน
คำถามที่พบบ่อย
การเทรด FX ช่วงปลายเดือน-ต้นเดือนมีลักษณะอย่างไร?
ช่วงปลายเดือน-ต้นเดือนมักมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหรือถ้อยแถลงจากผู้มีอิทธิพล ทำให้เกิดความผันผวนสูง สภาพคล่องลดลง เทคนิคอลอาจใช้ไม่ได้ผล จึงมีโอกาสทั้งกำไรและขาดทุนสูงขึ้น ต้องบริหารความเสี่ยงให้ดี
การเทรด FX วันจันทร์มีข้อควรระวังอะไรบ้าง?
วันจันทร์มักผันผวนแรงเนื่องจากข่าวเศรษฐกิจจากสุดสัปดาห์ เทคนิคอลแม่นยำน้อยลง และเสี่ยงโดนล้างพอร์ตมากขึ้น ต้องระวังเป็นพิเศษ แต่หากมีความรู้และวางแผนดี วันจันทร์ก็เป็นโอกาสที่ดีได้เช่นกัน
เกี่ยวกับ London Fix มีอะไรที่ต้องระวัง?
ช่วง London Fix ตลาดจะผันผวนสูง แม้จะทำกำไรได้เร็วแต่ก็ขาดทุนเร็ว ต้องบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบและใช้ข่าวหรือปัจจัยอื่นประกอบตัดสินใจ
การเทรด FX ในแต่ละวันมีลักษณะต่างกันอย่างไร?
วันจันทร์ตลาดผันผวนมากเพราะผลกระทบจากสุดสัปดาห์ อังคารถึงพฤหัสบดีมักนิ่ง ส่วนศุกร์มีการปรับสถานะ ตลาดบางและผันผวน ต้องวางกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแต่ละวัน
บทความที่เกี่ยวข้อง
アノマリーとは、金融市場において合理的な説明が難しいものの、よく観測される事象(規則性)のことを指します。本記事では、ア…
「アノマリー」に関するページです。SMBC日興証券は、「いっしょに、明日のこと。」をブランドスローガンに、チャレンジする…