Hidden Divergence: กลยุทธ์เทรดตามเทรนด์ด้วยสัญญาณกลับตัวหลอก

※記事内に広告を含む場合があります。

พื้นฐานของ Hidden Divergence

Hidden Divergence คืออะไร

Hidden Divergence คือสัญญาณทางเทคนิคที่สำคัญซึ่งจะปรากฏขึ้นเมื่อเทรนด์ยังคงดำเนินต่อไป

สัญญาณนี้สามารถยืนยันได้ด้วยดัชนีทางเทคนิคที่เรียกว่ากลุ่ม Oscillators

กลุ่ม Oscillators เป็นดัชนีที่แสดงถึงภาวะ Overbought และ Oversold ของตลาด โดยอิงจากความผันผวนของราคาและการเคลื่อนไหวของราคาในอดีต

ดัชนี Oscillators ที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ RSI (Relative Strength Index), Stochastics และ MACD (Moving Average Convergence Divergence) เป็นต้น

Hidden Divergence จะเกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุด (หรือต่ำสุด) ใหม่ แต่ดัชนี Oscillator ไม่ทำจุดสูงสุด (หรือต่ำสุด) ใหม่

นี่คือสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้ว่าราคามีแนวโน้มที่จะดำเนินตามเทรนด์เดิมต่อไป

Hidden Divergence เป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้ว่าเทรนด์จะดำเนินต่อไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเทรนด์จะดำเนินต่อไปเสมอไป

ความแตกต่างจาก Divergence ทั่วไป

Divergence ทั่วไปเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการกลับตัวของเทรนด์

Divergence ทั่วไปจะเกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุด (หรือต่ำสุด) ใหม่ แต่ดัชนี Oscillator ทำจุดต่ำสุด (หรือสูงสุด) ใหม่

นี่คือสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเทรนด์อาจจะกลับตัว

Hidden Divergence เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการดำเนินต่อไปของเทรนด์ ซึ่งมีความหมายตรงกันข้ามกับ Divergence ทั่วไป

วิธีค้นหา Hidden Divergence

การวิเคราะห์โดยใช้ดัชนี Oscillator

ในการค้นหา Hidden Divergence ให้วางดัชนี Oscillator ซ้อนทับบนกราฟ และตรวจสอบว่าการเคลื่อนไหวของราคาและ Oscillator เป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามหรือไม่

ตัวอย่างเช่น หากราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ดัชนี Oscillator เช่น RSI หรือ Stochastics ไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ อาจเกิด Hidden Divergence ขึ้น

ในทางกลับกัน หากราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ดัชนี Oscillator ไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ ก็อาจเกิด Hidden Divergence ขึ้นได้เช่นกัน

จุดยืนยันความต่อเนื่องของเทรนด์

Hidden Divergence เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความต่อเนื่องของเทรนด์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเทรนด์จะดำเนินต่อไปเสมอไป

ดังนั้น การตัดสินใจร่วมกับดัชนีทางเทคนิคอื่นๆ หรือการวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis) จึงเป็นสิ่งสำคัญ

เช่น ควรพิจารณาดัชนีทางเทคนิคอื่นๆ เช่น Moving Average หรือ Bollinger Bands

นอกจากนี้ การพิจารณาการวิเคราะห์พื้นฐาน เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจหรือผลการดำเนินงานของบริษัทก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

การนำ Hidden Divergence ไปใช้ในทางปฏิบัติ

Hidden Divergence ใน RSI

RSI เป็นดัชนีที่แสดงถึงภาวะ Overbought และ Oversold ของตลาด

เมื่อ RSI เกิน 70 ถือเป็นภาวะ Overbought และเมื่อต่ำกว่า 30 ถือเป็นภาวะ Oversold

Hidden Divergence มักจะเกิดขึ้นเมื่อ RSI อยู่ในภาวะ Overbought หรือ Oversold ซึ่งบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่เทรนด์จะดำเนินต่อไป

ตัวอย่างเช่น หากราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ RSI ไม่ทำจุดสูงสุดใหม่และเกิน 70 อาจเกิด Hidden Divergence ขึ้น

ในกรณีนี้ มีแนวโน้มสูงที่เทรนด์จะดำเนินต่อไป และสามารถตัดสินได้ว่าเป็นสัญญาณซื้อ

การใช้ Stochastics

Stochastics เป็นดัชนีที่แสดงถึงภาวะ Overbought และ Oversold ของตลาด โดยเปรียบเทียบความผันผวนของราคาและการเคลื่อนไหวของราคาล่าสุด

เมื่อ Stochastics เกิน 80 ถือเป็นภาวะ Overbought และเมื่อต่ำกว่า 20 ถือเป็นภาวะ Oversold

Hidden Divergence มักจะเกิดขึ้นเมื่อ Stochastics อยู่ในภาวะ Overbought หรือ Oversold ซึ่งบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่เทรนด์จะดำเนินต่อไป

ตัวอย่างเช่น หากราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ Stochastics ไม่ทำจุดสูงสุดใหม่และเกิน 80 อาจเกิด Hidden Divergence ขึ้น

ในกรณีนี้ มีแนวโน้มสูงที่เทรนด์จะดำเนินต่อไป และสามารถตัดสินได้ว่าเป็นสัญญาณซื้อ

ข้อควรระวังในการนำไปใช้เทรด

เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนหลอก (Fakeout)

Hidden Divergence เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่เทรนด์จะดำเนินต่อไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเทรนด์จะดำเนินต่อไปเสมอไป

ดังนั้น ราคาอาจกลับตัวหลังจากเกิด Hidden Divergence

สถานการณ์นี้เรียกว่า “Fakeout” หรือการหลอก

เพื่อป้องกันการโดนหลอก การตัดสินใจร่วมกับดัชนีทางเทคนิคอื่นๆ และการวิเคราะห์พื้นฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ

นอกจากนี้ การเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิดหลังจากเกิด Hidden Divergence ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

หากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าราคากำลังจะกลับตัว ต้องรีบปิดสถานะ (Position) ทันที

ความสำคัญของการตั้งกฎ Stop-Loss

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรด

เนื่องจากราคามีโอกาสกลับตัวได้หลังจากเกิด Hidden Divergence การกำหนดจุด Stop-Loss ที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

โดยทั่วไปแล้ว Stop-Loss จะกำหนดที่ระยะห่างจากราคาที่เกิด Hidden Divergence

การตั้ง Stop-Loss ช่วยให้สามารถจำกัดการขาดทุนให้เหลือน้อยที่สุดในกรณีที่การคาดการณ์ผิดพลาด

ความสำคัญของ Hidden Divergence

Hidden Divergence เป็นสัญญาณทางเทคนิคที่สำคัญที่บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่เทรนด์จะดำเนินต่อไป

การทำความเข้าใจและนำ Hidden Divergence ไปใช้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเทรดให้ประสบความสำเร็จได้

อย่างไรก็ตาม Hidden Divergence ไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์

การตัดสินใจร่วมกับดัชนีทางเทคนิคอื่นๆ และการวิเคราะห์พื้นฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ

นอกจากนี้ ราคามีโอกาสกลับตัวได้หลังจากเกิด Hidden Divergence

ดังนั้น หลังจากเกิด Hidden Divergence การเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งสำคัญ

การทำความเข้าใจและนำ Hidden Divergence ไปใช้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้สามารถสร้างกลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้น

เว็บไซต์อ้างอิง

OANDA FX/CFD Lab-education(オアンダ ラボ)

ダイバージェンスとは、テクニカル指標(オシレーター系インジケーター)とローソク足の示す方向性が、逆行している状況を指しま…

ザイFX!

RSIは今の相場が買われすぎか売られすぎかを判断するために使う、オシレーター系のテクニカル指標です。ここではRSIの基本…

IG

テクニカル指標のトレンドが、実際の市場トレンドとは逆の動きをしている状況を『ダイバージェンス』と呼びます。こちらの記事で…

 

※記事内に広告を含む場合があります。
佐川 直弘: MetaTraderを活用したFX自動売買の開発で15年以上の経験を持つ日本のパイオニア🔧

トレーデンシー大会'15世界1位🥇、EA-1グランプリ準優勝🥈の実績を誇り、ラジオ日経出演経験もあり!
現在は、株式会社トリロジーの役員として活動中。
【財務省近畿財務局長(金商)第372号】に登録
され、厳しい審査を経た信頼性の高い投資助言者です。


【主な活動内容】
・高性能エキスパートアドバイザー(EA)の開発と提供
・最新トレーディング技術と市場分析の共有
・FX取引の効率化と利益最大化を目指すプロの戦略紹介

トレーダー向けに役立つ情報やヒントを発信中!

This website uses cookies.