ในด้าน FX และการซื้อขายหุ้น การนำตัวชี้วัดทางเทคนิคมาใช้อย่างชาญฉลาดนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในบรรดานั้น 200 EMA เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่ได้รับความสนใจจากเทรดเดอร์จำนวนมาก ในบล็อกนี้ เราจะนำเสนอความรู้ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับ 200 EMA ตั้งแต่แนวคิดพื้นฐานไปจนถึงกลยุทธ์การซื้อขายจริง รวมถึงวิธีการรวมกับตัวชี้วัดอื่นๆ มีเคล็ดลับมากมายสำหรับการใช้ 200 EMA อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นจนถึงผู้เชี่ยวชาญ
1. 200EMA คืออะไร? คำอธิบายพื้นฐานที่เข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่
200EMA (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล 200 ช่วง) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเทคนิคที่สำคัญมากในการเทรด FX หรือหุ้น คำอธิบายนี้จะอธิบายแนวคิดพื้นฐานและลักษณะของมันอย่างละเอียดเพื่อให้มือใหม่เข้าใจได้ง่าย
แนวคิดพื้นฐานของ 200EMA
200EMA คือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่คำนวณจากข้อมูลราคาในอดีต 200 ช่วง โดยให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงราคาล่าสุดมากกว่า ดังนั้นจึงสะท้อนข้อมูลปัจจุบันได้ชัดเจนกว่าข้อมูลในอดีต ลักษณะนี้ทำให้เป็นตัวชี้วัดที่เชื่อถือได้ในการจับแนวโน้มและถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย
วิธีการคำนวณ 200EMA
วิธีการคำนวณ 200EMA มีดังนี้
- การคำนวณ EMA ครั้งแรก: คำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเรียบง่าย (SMA) สำหรับช่วงแรก (ในที่นี้คือ 200 ช่วง) ค่านี้จะเป็นค่า EMA ครั้งแรก
- การคำนวณ EMA สำหรับแต่ละช่วง: จากนั้นสำหรับช่วงถัดไปจะใช้สูตรต่อไปนี้ในการคำนวณ EMA
โดยที่ ( k ) คือค่าคงที่สำหรับการทำให้เรียบที่คำนวณได้โดยใช้ช่วง 200 เพื่อให้ได้ 0.059
ลักษณะและข้อดีของ 200EMA
- การระบุแนวโน้ม: 200EMA เป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนในการตัดสินแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง หากราคาอยู่เหนือ 200EMA แสดงว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น หากอยู่ต่ำกว่าแสดงว่าเป็นแนวโน้มขาลง
- แนวรับและแนวต้าน: เนื่องจากนักเทรดจำนวนมากให้ความสนใจ 200EMA จึงทำหน้าที่เป็นระดับแนวรับและแนวต้าน มักเห็นว่าราคาจะเด้งกลับเมื่อเข้าใกล้ 200EMA
- มุมมองระยะยาว: 200EMA เหมาะสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มระยะยาว สามารถนำไปใช้ในกลยุทธ์ต่างๆ ตั้งแต่สเกลปิ้งไปจนถึงสวิงเทรด
ความแตกต่างระหว่าง 200EMA กับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อื่นๆ
200EMA สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาในระยะยาวมากกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อื่นๆ (เช่น 50EMA หรือ 100EMA) โดยทั่วไป เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาวช่วยในการจับแนวโน้มโดยรวมของตลาด ในขณะที่เส้นระยะสั้นสำคัญสำหรับการจับการเคลื่อนไหวราคาระยะสั้น
ทำไมนักเทรดจึงให้ความสำคัญกับ 200EMA
เหตุผลที่นักเทรดให้ความสำคัญกับ 200EMA คือความเรียบง่ายและความสามารถในการวิเคราะห์แนวโน้มที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมตลาดทั่วโลกจำนวนมากใช้ 200EMA ทำให้ทำหน้าที่เป็นระดับแนวรับและแนวต้านทางจิตวิทยา ดังนั้น นักเทรดสามารถวางกลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพได้โดยการใส่ใจกับตำแหน่งของ 200EMA
2. ทำไมเทรดเดอร์ถึงให้ความสำคัญกับ 200 EMA
200 EMA (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล 200 วัน) ถือเป็นตัวชี้วัดที่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์จำนวนมาก เหตุผลหลักคือการเข้าใจแนวโน้ม การตัดสินระดับสนับสนุนและต้านทาน และการเข้าใจจิตวิทยาตลาด
การเข้าใจแนวโน้ม
200 EMA เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการแสดงแนวโน้มระยะยาว หากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่นี้ชี้ขึ้น จะถือว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นโดยทั่วไป และหากชี้ลง จะถือว่าเป็นแนวโน้มขาลง การรับรู้แนวโน้มนี้เป็นก้าวแรกในการสร้างกลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพ
- การแสดงแนวโน้ม: หากราคาอยู่เหนือ 200 EMA จะทำหน้าที่เป็นสัญญาณซื้อ และหากอยู่ต่ำกว่าจะเป็นสัญญาณขาย
- ความยั่งยืนของแนวโน้ม: 200 EMA เป็นเกณฑ์ที่เทรดเดอร์ใช้ในการตัดสินความยั่งยืนของแนวโน้ม
การตัดสินระดับสนับสนุนและต้านทาน
200 EMA ให้ระดับสนับสนุนและต้านทานที่ราคาอาจเด้งกลับ เนื่องจากเทรดเดอร์จำนวนมากใช้ตัวชี้วัดนี้ จึงมักเกิดการเด้งกลับของราคาเมื่อเข้าใกล้ 200 EMA การใช้ประโยชน์จากลักษณะนี้จะช่วยให้การเทรดมีอัตราชนะสูงขึ้น
- การยืนยันการเด้งกลับ: หากราคาเด้งกลับที่ 200 EMA เทรดเดอร์ควรพิจารณาจุดนี้เป็นระดับสนับสนุนหรือต้านทาน
- ทิศทางของตลาด: หาก 200 EMA แนวราบ อาจบ่งชี้ว่าแนวโน้มอ่อนแอลง และเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังถึงจุดเปลี่ยน
การเข้าใจจิตวิทยาตลาด
200 EMA มีความสำคัญมากขึ้นเพราะเทรดเดอร์จำนวนมากอ้างอิงพร้อมกัน เทรดเดอร์คาดหวังว่าราคาจะเด้งกลับที่ 200 EMA จึงทำให้เกิดการเด้งกลับจริง สิ่งนี้ช่วยให้เข้าใจจิตวิทยาของตลาดโดยรวมได้ง่ายขึ้น
- จิตวิทยากลุ่ม: เมื่อเทรดเดอร์จำนวนมากให้ความสนใจกับ 200 EMA ระดับนี้จะกลายเป็นจุดสำคัญสำหรับผู้เข้าร่วมตลาด
- การรวมตัวของการซื้อขาย: เมื่อราคาเข้าใใกล้ 200 EMA ปริมาณการซื้อขายมักเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของราคาเด่นชัด
สรุป
200 EMA ถูกให้ความสำคัญในฐานะเครื่องมือสำหรับตัดสินแนวโน้มระยะยาว การหาเป้าหมายระดับสนับสนุนและต้านทาน และการเข้าใจจิตวิทยาของเทรดเดอร์ สิ่งนี้ช่วยวางรากฐานสำหรับกลยุทธ์การซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากเทรดเดอร์จำนวนมากใช้ตัวชี้วัดนี้ จึงเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม
3. วิธีดูสัญญาณซื้อขายโดยใช้ 200 EMA
200 EMA (200 วันเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล) เป็นตัวชี้วัดที่มีคุณค่ามากสำหรับเทรดเดอร์ ในส่วนนี้ เราจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีดูสัญญาณซื้อขายโดยใช้ 200 EMA
พื้นฐานของสัญญาณซื้อขาย
200 EMA เป็นตัวชี้วัดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการแสดงแนวโน้มของราคาหุ้นหรืออัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันให้สัญญาณดังต่อไปนี้
- สัญญาณซื้อ: หากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่เหนือ 200 EMA แสดงว่ามีโอกาสสูงที่แนวโน้มขาขึ้นจะดำเนินต่อไป ดังนั้นควรพิจารณาเปิดสถานะซื้อ
- สัญญาณขาย: หากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ใต้ 200 EMA แสดงว่ามีโอกาสสูงที่แนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป ดังนั้นควรพิจารณาเปิดสถานะขาย
การใช้สัญญาณเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเทรดได้
กลไกการเกิดสัญญาณ
วิธีดูสัญญาซึ่งใช้ 200 EMA เป็นเกณฑ์ รวมถึงการยืนยันทิศทางของแนวโน้ม โปรดให้ความสนใจกับจุดสำคัญต่อไปนี้:
- จุดเปลี่ยนของแนวโน้ม: จุดที่ราคาทะลุ 200 EMA ขึ้นลง อาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม เช่น หากราคาทะลุ 200 EMA ขึ้นไป อาจเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้น
- การใช้ร่วมกับทฤษฎี Dow: การรวม 200 EMA กับทฤษฎี Dow จะช่วยวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม การสังเกตว่าราคาทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่าหรือจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่านั้นสำคัญมาก
เทคนิคในการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้สัญญาณ
เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสัญญาณของ 200 EMA สามารถรวมกับตัวชี้วัดอื่นๆ ได้ ต่อไปนี้คือตัวอย่างของตัวชี้วัดที่มีประสิทธิภาพเมื่อใช้ร่วมกัน
- RSI (ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์): นอกจาก 200 EMA แล้ว การใช้ RSI จะช่วยยืนยันสถานะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป โดยเฉพาะหาก RSI อยู่ที่ 70 ขึ้นไป ควรจัดการสัญญาซื้อด้วยความระมัดระวัง
- MACD (วิธีการรวมตัวและกระจายของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่): การครอสโอเวอร์ของ MACD จะเป็นตัวยืนยันสัญญาณของ 200 EMA หากทั้งสองแสดงทิศทางเดียวกัน ความแม่นยำในการเทรดจะเพิ่มขึ้น
จุดสำคัญ
สุดท้าย วิธีดูสัญญาณซื้อขายโดยใช้ 200 EMA มีจุดสำคัญดังต่อไปนี้
- จังหวะการเข้าเทรด: หลังจากสัญญาณปรากฏ อย่ารีบเข้าเทรดทันที แต่ควรพิจารณาปัจจัยยืนยันอื่นๆ
- การตั้ง stop-loss: หากสัญญาถึงความน่าเชื่อถือต่ำ ควรเตรียมตั้ง stop-loss ให้เร็ว
การเข้าใจและนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปปฏิบัติจะช่วยให้คุณสามารถเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยใช้ 200 EMA
4. วิธีใช้ 200 EMA อย่างมีประสิทธิภาพตามประเภทชาร์ต!
1. การพิจารณาแนวโน้ม
200 EMA มีประสิทธิภาพสูงในการเข้าใจแนวโน้มทางสายตา เมื่อราคาอยู่เหนือ 200 EMA แสดงว่ากำลังก่อตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้นเป็นหลัก ในทางตรงกันข้าม หากราคาอยู่ใต้ 200 EMA อาจบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงกำลังดำเนินต่อไป สิ่งนี้ช่วยให้สามารถกำหนดทิศทางได้ชัดเจนเมื่อวางกลยุทธ์การเทรด
- แนวโน้มขาขึ้น:
- ราคาอยู่เหนือ 200 EMA
- อาจทำหน้าที่เป็นแนวรับในบางกรณี
- แนวโน้มขาลง:
- ราคาอยู่ใต้ 200 EMA
- มักทำหน้าที่เป็นแนวต้าน
2. การใช้แนวรับและแนวต้าน
200 EMA สามารถทำหน้าที่เป็นเส้นแนวรับหรือแนวต้านได้ เช่น ในแนวโน้มขาขึ้น เมื่อราคาแตะ 200 EMA มักจะเด้งกลับและขึ้นไปอีก สามารถใช้การเคลื่อนไหวนี้เพื่อค้นหาจุดเข้าเทรดได้
- จุดเด้งกลับ:
- เมื่อราคาเข้าใกล้ 200 EMA จากข้อมูลในอดีตคาดหวังการเด้งกลับได้
- หากราคาทะลุ 200 EMA อาจเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม
3. การพิจารณาความผันผวน
ในตลาดที่มีความผันผวนสูง 200 EMA จะตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อมีราคาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 200 EMA จะจับการเปลี่ยนแปลงนั้นเพื่อให้เทรดเดอร์มีโอกาสตอบสนองอย่างรวดเร็ว
- สถานการณ์ที่มีความผันผวนสูง:
- ระหว่างการพุ่งขึ้นหรือร่วงลงอย่างรวดเร็ว สามารถใช้ 200 EMA เป็นแนวทางในการเทรดเพื่อลดความเสี่ยง
- ต้องให้ความสนใจกับการประกาศตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญเป็นพิเศษ
4. วิธีใช้ตามกรอบเวลา
200 EMA สามารถนำไปใช้กับกรอบเวลาต่างๆ ได้ ชาร์ต 1 นาทีก็ยังมีประโยชน์สูงสำหรับการเทรดระยะสั้น สามารถพิจารณาวิธีใช้ที่เหมาะสมกับแต่ละกรอบเวลาได้ดังนี้
- สแกลปปิ้ง (1 นาที):
- เน้นการเข้าและออกอย่างรวดเร็ว
- ตรวจสอบแนวรับหรือแนวต้านโดยใช้ 200 EMA
- เดย์เทรด (5 นาที ถึง 30 นาที):
- ใช้เป็นเครื่องมือหลักในการค้นหาแนวโน้มในวันนั้น
- เข้าตำแหน่งเมื่อยืนยันการทะลุ
- สวิงเทรด (4 ชั่วโมง หรือรายวัน):
- ใช้ในการมองเห็นแนวโน้มระยะยาว
- ตัดสินใจลงทุนโดยใช้ 200 EMA เป็นเกณฑ์
5. การใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นๆ
200 EMA เพียงตัวเดียวก็มีประสิทธิภาพ แต่การรวมกับอินดิเคเตอร์อื่นๆ จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเทรด โดยเฉพาะการใช้ร่วมกับออสซิลเลเตอร์ เช่น RSI หรือ MACD เพื่อค้นหาจุดเข้าเทรดที่แน่นอนยิ่งขึ้น
- ผลกระทบจากการรวมกัน:
- ตัวอย่างเช่น เมื่อ 200 EMA กำลังขึ้นและ RSI อยู่ในภาวะขายมากเกินไป เป็นโอกาสเข้าซื้อ
- เมื่อเกิดโกลเดนครอสของ MACD และ 200 EMA ทำหน้าที่เป็นแนวรับ จะเป็นสัญญาณซื้อที่แข็งแกร่ง
ดังนั้น 200 EMA จึงเป็นเครื่องมือที่สามารถปรับใช้กับกลยุทธ์การเทรดได้อย่างยืดหยุ่น โดยการเรียนรู้วิธีใช้ที่เหมาะสมตามประเภทชาร์ต จะช่วยเพิ่มอัตราชนะในการเทรดได้
5. เทคนิคการรวม 200EMA กับตัวบ่งชี้อื่นๆ
200EMA (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล) เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่ทรงพลังแม้จะใช้เพียงตัวเดียว แต่การรวมกับตัวบ่งชี้อื่นๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น ในส่วนนี้ เราจะมาดูรายละเอียดเกี่ยวกับตัวบ่งชี้และเทคนิคที่สามารถรวมกับ 200EMA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การรวม 200EMA กับ RSI
RSI (ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์) เป็นตัวบ่งชี้อบบริเวทที่ใช้บ่อยเพื่อแสดงสถานะที่ร้อนเกินไปหรือถูกขายมากเกินไป การรวม 200EMA กับ RSI จะช่วยปรับปรุงการติดตามแนวโน้มและความแม่นยำของจุดเข้าได้
- การแสดงภาพการติดตามแนวโน้ม: หากราคาอยู่เหนือ 200EMA ให้พิจารณาตำแหน่งยาว และหาก RSI ต่ำกว่า 30 ให้ถือเป็นสัญญาณซื้อ
- สัญญาณการกลับตัว: ในทางตรงกันข้าม หากราคาอยู่ใต้ 200EMA และ RSI เกิน 70 ให้ถือเป็นสัญญาณขาย
วิธีการใช้ 200EMA กับ MACD
MACD (ตัวบ่งชี้การรวมตัวและการกระจายของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) เป็นตัวบ่งชี้ที่ช่วยตัดสินทิศทางและความแข็งแกร่งของแนวโน้ม การรวม 200EMA กับ MACD จะช่วยจับการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มได้ง่ายขึ้น
- การยืนยันแนวโน้มที่แข็งแกร่ง: หากเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้นสัญญาณ และราคาเหนือ 200EMA แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
- จุดกลับตัวของแนวโน้ม: หาก MACD ก่อตัวเป็นเดดครอส และราคาต่ำกว่า 200EMA จะเป็นสัญญาณของการตกต่ำเพิ่มเติม
200EMA กับ Bollinger Bands
Bollinger Bands เป็นตัวบ่งชี้ที่วัดความผันผวนและแสดงช่วงการเคลื่อนไหวของราคา การรวม 200EMA กับ Bollinger Bands จะช่วยให้เข้าใจตำแหน่งของราคาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- การสัมผัสแบนด์: หากราคาแตะขอบบนของ Bollinger Bands และอยู่ต่ำกว่า 200EMA อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัว
- การขยายและหดตัว: เมื่อ Bollinger Bands กว้างขึ้นแสดงถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และแคบลงแสดงถึงการชะลอตัวของแนวโน้ม ดังนั้นควรใช้ 200EMA เป็นเกณฑ์ในการวางกลยุทธ์การเทรด
การรวมกับ SuperTrend
SuperTrend เป็นตัวบ่งชี้ที่แสดงจุดเปลี่ยนของแนวโน้มอย่างชัดเจน การรวมตัวบ่งชี้นี้กับ 200EMA จะช่วยเพิ่มอัตราชนะได้
- การปรับปรุงอัตราชนะ: หาก SuperTrend ส่งสัญญาณ และราคาอยู่เหนือ 200EMA ให้เริ่มตำแหน่งยาว หากอยู่ต่ำกว่าให้พิจารณาตำแหน่งสั้น
การรวมตัวบ่งชี้ต่างๆ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของ 200EMA การเข้าใจลักษณะของแต่ละตัวบ่งชี้และปรับใช้ตามสถานการณ์อย่างยืดหยุ่นจะช่วยปรับปรุงความได้เปรียบในการเทรด
สรุป
200EMA เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่สำคัญอย่างยิ่งในการเทรด FX และหุ้น มีวิธีการใช้งานที่หลากหลาย และมีประสิทธิภาพแม้ใช้เพียงลำพัง แต่หากรวมกับตัวชี้วัดอื่นๆ จะช่วยเพิ่มความแม่นยำได้มากยิ่งขึ้น การเข้าใจแนวโน้ม การระบุจุดสนับสนุน/ต้านทาน การเข้าใจจิตวิทยาตลาด ฯลฯ โดยการใช้ 200EMA จะช่วยให้สามารถวางกลยุทธ์การซื้อขายที่ยอดเยี่ยมได้ สำหรับเทรดเดอร์แล้ว การเข้าใจและการใช้ 200EMA อย่างเหมาะสมถือเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้
คำถามที่พบบ่อย
200EMA คืออะไร?
200EMA คือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่คำนวณจากข้อมูลราคาในช่วง 200 ช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงราคาล่าสุด จึงสะท้อนแนวโน้มราคาปัจจุบันได้ดี เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ใช้ในการเข้าใจแนวโน้มและการตัดสินใจเกี่ยวกับระดับสนับสนุนและต้านทาน
ทำไมเทรดเดอร์ถึงให้ความสำคัญกับ 200EMA?
เนื่องจากเทรดเดอร์จำนวนมากอ้างอิง 200EMA ระดับนี้จึงทำหน้าที่เป็นระดับสนับสนุนหรือต้านทาน นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับการเข้าใจแนวโน้มระยะยาว และสามารถนำไปใช้ในกลยุทธ์การซื้อขายที่หลากหลายได้ จึงได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากเทรดเดอร์
วิธีดูสัญญาณซื้อขายของ 200EMA คืออย่างไร?
หากราคาอยู่เหนือ 200EMA ถือเป็นสัญญาณซื้อ หากอยู่ต่ำกว่า ถือเป็นสัญญาณขาย นอกจากนี้ จังหวะที่ราคาทะลุ 200EMA ขึ้นลง แสดงถึงความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนแนวโน้ม จึงต้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด
ประโยชน์ของการรวม 200EMA กับอินดิเคเตอร์อื่นๆ คืออะไร?
การรวม 200EMA กับอินดิเคเตอร์อื่นๆ เช่น RSI, MACD, Bollinger Bands จะช่วยให้สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของแนวโน้มและจังหวะการกลับตัวได้แม่นยำยิ่งขึ้น จากนั้นจะเพิ่มอัตราชนะของการเทรดได้
เว็บไซต์อ้างอิง
200EMAの正しい設定方法と使い方、勝てる手法まで完全解説。トレンドに乗れない悩みを解決し、初心者でも実践できるエント…