เทรด Forex ตามข่าว: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่

目次

1. บทนำ

เมื่อเข้าสู่การเทรดในตลาด Forex เทรดเดอร์หลายคนเข้าใจดีว่าข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจ (Economic Indicators) มีผลกระทบอย่างมากต่อตลาด ตัวเลขเหล่านี้คือข้อมูลสถิติที่แสดงสถานะและทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึงแนวโน้มการบริโภค ซึ่งอาจทำให้ทิศทางตลาดเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในตลาด Forex การประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศหลัก ๆ ทำให้ค่าเงินผันผวนอย่างรุนแรง ทำให้สามารถทำกำไรในระยะสั้นได้ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงก็สูงเช่นกัน เพราะหากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ ก็อาจทำให้เกิดการขาดทุนได้

บทความนี้จะอธิบายตั้งแต่ภาพรวมของ “การเทรดตามข่าว (Indicator Trading)” ในตลาด Forex ไปจนถึงวิธีการและเทคนิคการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่เทรดเดอร์ที่ต้องการประสบความสำเร็จ เนื้อหาในบทความนี้มีเป้าหมายที่จะเป็นประโยชน์ต่อเทรดเดอร์ทุกระดับ ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นไปจนถึงระดับกลาง เพื่อให้สามารถเรียนรู้พื้นฐานและประยุกต์ใช้การเทรดตามข่าวในการเทรดจริงได้

นอกจากนี้ ขอพูดถึงข้อดีและข้อเสียของการเทรดตามข่าวด้วย ข้อดีคือมีโอกาสทำกำไรได้มากในระยะสั้นจากความผันผวนครั้งใหญ่ของตลาด ในทางกลับกัน ก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนหากการคาดการณ์ผิดพลาด ดังนั้นจึงต้องใช้เทคนิคการเข้าออเดอร์ (Entry) และการบริหารความเสี่ยงอย่างแม่นยำ สไตล์การเทรดแบบนี้เหมาะสำหรับการทำกำไรระยะสั้น เช่น การเทรดแบบ Scalping หรือ Day Trading แต่ไม่เหมาะกับการลงทุนระยะยาว

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านมีความรู้เกี่ยวกับการเทรดตามข่าวในตลาด Forex ที่ลึกซึ้งขึ้น และมีความมั่นใจในการเทรดมากขึ้น

FX 比較

2. แนวคิดพื้นฐานของการเทรดตามข่าว

การเทรดตามข่าวคือวิธีการเทรดที่อาศัยการใช้ประโยชน์จากการผันผวนอย่างรวดเร็วของตลาดในช่วงเวลาที่ประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ เพื่อทำกำไรในระยะสั้น การทำความเข้าใจบทบาทของตัวเลขทางเศรษฐกิจและผลกระทบต่อตลาด Forex เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในการทำความเข้าใจการเทรดรูปแบบนี้

ตัวเลขทางเศรษฐกิจคืออะไร?

ตัวเลขทางเศรษฐกิจคือข้อมูลสถิติที่จัดทำโดยรัฐบาล ธนาคารกลาง หรือสถาบันวิจัยต่าง ๆ เพื่อแสดงสถานะทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ตัวอย่างที่คุ้นเคย ได้แก่ GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ), อัตราเงินเฟ้อ (ดัชนีราคาผู้บริโภค), อัตราการว่างงาน และตัวเลขการจ้างงาน ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ อยู่ในภาวะที่แข็งแกร่งหรือไม่ และกิจกรรมการบริโภคมีความคึกคักเพียงใด ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตลาดการเงินให้ความสนใจอย่างยิ่ง ในตลาด Forex ก็เช่นกัน การประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจมักทำให้มูลค่าของสกุลเงินผันผวนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตัวเลขของประเทศหลัก ๆ ที่เทรดเดอร์ให้ความสนใจเป็นพิเศษ

ผลกระทบของตัวเลขทางเศรษฐกิจต่อตลาด

การประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจส่งผลอย่างมากต่อราคาคู่สกุลเงิน ตัวอย่างเช่น หากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ค่าเงินดอลลาร์ก็มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ในทางกลับกัน หากตัวเลขออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ ค่าเงินดอลลาร์ก็มักจะอ่อนค่าลง การเคลื่อนไหวของราคาในลักษณะนี้ไม่ได้คาดการณ์ได้ง่าย ๆ แต่หากจับจังหวะการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่หลังจากการประกาศได้ ก็สามารถทำกำไรได้ในระยะสั้น นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่ประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ ตลาดมักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียว ซึ่งเหมาะกับสภาพแวดล้อมสำหรับการทำ Day Trading และ Scalping

ประเภทของตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

สำหรับการเทรดตามข่าวนั้น ผลกระทบของตัวเลขแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องเข้าใจลักษณะของแต่ละตัวอย่างต่อไปนี้คือตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ:

  • ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (US Non-Farm Payrolls): เป็นข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ประกาศในวันศุกร์แรกของทุกเดือน และส่งผลกระทบอย่างมากต่อค่าเงินดอลลาร์และคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้อง
  • ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI): เป็นดัชนีที่ใช้วัดอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางในแต่ละประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นสัญญาณบ่งชี้การขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลต่อมูลค่าของสกุลเงิน
  • อัตราการเติบโตของ GDP: เป็นข้อมูลอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่ประกาศทุกไตรมาส และมีผลกระทบอย่างมากต่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและแนวโน้มการใช้นโยบายการเงินในอนาคตของประเทศนั้น ๆ
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI): เป็นดัชนีที่ประกาศในช่วงต้นเดือนและแสดงถึงการเติบโตของภาคการผลิต เนื่องจากดัชนี PMI มักจะนำหน้าตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่น ๆ จึงได้รับการจับตามองเป็นพิเศษในฐานะดัชนีนำ

เวลาที่ประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจและรูปแบบการผันผวนของตลาด

การจะประสบความสำเร็จในการเทรดตามข่าวได้นั้น จำเป็นต้องมีความสามารถในการเข้าใจช่วงเวลาการประกาศของแต่ละตัวเลข และคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดหลังจากนั้น ตัวอย่างเช่น ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มักจะประกาศในช่วงกลางคืนตามเวลาประเทศไทย ทำให้มีโอกาสในการเทรดในช่วงกลางคืน นอกจากนี้ การประกาศตัวเลขที่ธนาคารกลางแต่ละประเทศให้ความสนใจก็มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดโดยอ้างอิงจากการคาดการณ์นโยบายอัตราดอกเบี้ยได้เช่นกัน การใช้เครื่องมืออย่างปฏิทินเศรษฐกิจ (Economic Calendar) และสร้างนิสัยในการตรวจสอบตารางเวลาของตัวเลขที่สำคัญไว้ล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งที่ดี

ในส่วนนี้ เราได้สรุปความสำคัญของตัวเลขทางเศรษฐกิจและผลกระทบต่อความผันผวนของตลาด เพื่อให้เข้าใจการเทรดตามข่าวได้ลึกซึ้งขึ้น

3. เทคนิคการเทรดตามข่าวที่สำคัญ

การเทรดตามข่าวมีหลายเทคนิคที่ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนอย่างมากในช่วงก่อนและหลังการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ เทคนิคเหล่านี้สามารถแบ่งออกได้เป็นการเข้าออเดอร์โดยอ้างอิงจากการคาดการณ์ล่วงหน้า และการเข้าออเดอร์ทันทีหลังการประกาศ ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ในส่วนนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคการเทรดตามข่าวเพื่อให้สามารถทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเข้าออเดอร์ล่วงหน้า (Entry Before Announcement)

การเข้าออเดอร์ล่วงหน้าคือเทคนิคการสร้างโพสิชั่นก่อนการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ โดยอิงจากการคาดการณ์ของตลาด ตัวอย่างเช่น การดูข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขทางเศรษฐกิจ หรือแนวโน้มของสกุลเงินที่เกี่ยวข้องเพื่อตัดสินใจทิศทางล่วงหน้าและเข้าออเดอร์ก่อนการประกาศ เทคนิคนี้เรียกว่า “Predictive Trading” ซึ่งหากอ้างอิงจากดัชนีนำ ก็อาจจะสามารถรับมือกับการผันผวนที่จะเกิดขึ้นหลังการประกาศได้

ตัวอย่าง: ก่อนการประกาศดัชนียอดค้าปลีก (Retail Sales) ของสหราชอาณาจักร ให้ตรวจสอบดัชนีที่เกี่ยวข้อง เช่น “BRC Retail Sales Monitor” และหากสามารถคาดการณ์ได้ ก็เข้าออเดอร์ในคู่สกุลเงิน GBP/USD เป็นต้น หากการคาดการณ์ล่วงหน้าแม่นยำ เทคนิคนี้จะสามารถทำกำไรได้ทันทีหลังการประกาศ

อย่างไรก็ตาม หากผลการประกาศจริงแตกต่างจากที่คาดการณ์ไว้ อาจทำให้เกิดการขาดทุนอย่างหนักได้ ดังนั้นการบริหารความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งจำเป็น และการคาดการณ์การประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ทางเศรษฐกิจในระดับหนึ่ง

การเข้าออเดอร์ทันทีหลังการประกาศ (Entry Immediately After Announcement)

อีกเทคนิคหนึ่งคือการเข้าออเดอร์ทันทีตามการเคลื่อนไหวของตลาดหลังจากที่ผลการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาแล้ว เทคนิคนี้เรียกว่า “Reaction Trading” โดยจะเข้าโพสิชั่นตามการตอบสนองของตลาดในทันทีที่ตัวเลขถูกประกาศ เพื่อทำกำไรจากความผันผวนอย่างรวดเร็วที่เกิดขึ้นทันทีหลังจากประกาศ ดังนั้นความรวดเร็วในการตัดสินใจและการอ่านตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ตัวอย่าง: หากการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และมีแนวโน้มว่าค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น ก็ให้เข้า “ซื้อ” (Buy) ในคู่สกุลเงิน USD/JPY ในทางกลับกัน หากตัวเลขการจ้างงานต่ำกว่าที่คาดไว้ ก็มีแนวโน้มว่าค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลง จึงอาจพิจารณา “ขาย” (Sell)

แม้ว่า Reaction Trading จะสามารถตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของตลาดได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงที่ตลาดอาจกลับทิศหากตัดสินใจช้าเกินไป ดังนั้นจึงต้องเข้าออเดอร์อย่างรวดเร็วและเตรียมตัวล่วงหน้าให้พร้อม

การเลือกคู่สกุลเงินและการใช้ Synthetic Currency

ในการเทรดตามข่าว สิ่งสำคัญคือการเลือกคู่สกุลเงินที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากการผันผวนอย่างรวดเร็วของตลาด หรือในทางกลับกัน เลือกคู่ที่เคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ตัวอย่างเช่น ในช่วงเวลาที่ประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ คู่สกุลเงินดอลลาร์ เช่น USD/JPY จะเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก แต่หากต้องการลดความเสี่ยง การเทรดใน Synthetic Currency เช่น GBP/JPY ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

Synthetic Currency คือคู่สกุลเงินที่เคลื่อนไหวตามความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเงินหลัก ในช่วงที่ประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ คู่สกุลเงินดอลลาร์จะผันผวนอย่างรุนแรง ในขณะที่ Synthetic Currency อย่าง GBP/JPY อาจเคลื่อนไหวค่อนข้างนิ่งกว่า ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากตรงนี้เพื่อลดความเสี่ยงในขณะที่ทำ Scalping ได้

การจำลองด้วยข้อมูลย้อนหลัง (Backtesting)

การเคลื่อนไหวของตลาดหลังการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจสามารถคาดการณ์ได้ในระดับหนึ่งจากรูปแบบในอดีต ดังนั้นการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังและทำการจำลองจึงเป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้ฟังก์ชันกราฟ (Chart) ของ MT4 หรือ MT5 เพื่อตรวจสอบว่าราคาผันผวนอย่างไรในอดีตในช่วงที่ประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ ทำให้คาดการณ์จุดเข้าออเดอร์และการตอบสนองของตลาดได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่างเช่น การตรวจสอบว่า USD/JPY เคลื่อนไหวอย่างไรในกราฟย้อนหลังเมื่อตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ออกมาดี และจำลองจุดเข้าออเดอร์หรือเส้น Stop Loss ของตัวเอง จะช่วยให้สามารถรับมือกับการเทรดจริงได้อย่างใจเย็น

4. การบริหารความเสี่ยงและข้อควรระวัง

การเทรดตามข่าวสามารถทำกำไรได้มาก แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องมีการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด โดยเฉพาะหลังการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ ความผันผวนของตลาดจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น หากไม่มีการบริหารจัดการที่เหมาะสม อาจทำให้การขาดทุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในส่วนนี้จะอธิบายจุดที่ควรระวังและเทคนิคการบริหารความเสี่ยงที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการเทรดตามข่าว

การตั้งคำสั่ง Stop Loss

การตั้งคำสั่ง Stop Loss (การตัดขาดทุน) เป็นพื้นฐานของการบริหารความเสี่ยงในการเทรดตามข่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ตลาดมักเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คาดไม่ถึง การตั้งคำสั่ง Stop Loss ไว้ล่วงหน้าในกรณีที่ตลาดเคลื่อนที่สวนทางทันทีหลังการเข้าออเดอร์ จะช่วยป้องกันการขาดทุนครั้งใหญ่ได้ ขนาดของการตั้ง Stop Loss ควรตัดสินใจตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้และความผันผวนในช่วงประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น ควรพิจารณาจากความผันผวนที่มักจะเกิดขึ้นทันทีหลังการประกาศโดยอ้างอิงจากการเคลื่อนไหวของราคาในอดีต

การปรับขนาด Lot ที่ใช้ในการเทรด

ขนาด Lot (ปริมาณการซื้อขาย) ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของการบริหารความเสี่ยง เนื่องจากความเสี่ยงสูงกว่าการเทรดปกติในช่วงประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ การลดขนาด Lot ลงจะช่วยลดการขาดทุนให้น้อยที่สุดได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ความผันผวนสูงทันทีหลังการประกาศ การตั้งปริมาณการซื้อขายที่เหมาะสมกับเงินทุนเป็นสิ่งสำคัญ ตัวอย่างเช่น การลดขนาด Lot ลงครึ่งหนึ่งหรือหนึ่งในสามของปริมาณการเทรดปกติจะช่วยบรรเทาการขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างกะทันหันได้

การตรวจสอบช่วงการเคลื่อนไหวของราคาในอดีตและการจำลอง

การเคลื่อนไหวของราคาในช่วงที่ประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญสามารถอ้างอิงจากช่วงการเคลื่อนไหวของราคาครั้งก่อน ๆ ได้ ตัวอย่างเช่น หากการประกาศครั้งที่แล้วมีการเคลื่อนไหวมากกว่า 100 Pips ก็สามารถคาดการณ์ได้ว่าครั้งนี้จะมีการผันผวนในระดับใกล้เคียงกัน และเตรียมตัวสำหรับการเทรดได้ การจำลองในลักษณะนี้จะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างใจเย็นในระหว่างที่ตลาดเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง นอกจากนี้ การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในช่วงประกาศตัวเลขในกราฟย้อนหลังจะช่วยให้สามารถตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit ได้ตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตนเอง

การกระจายความเสี่ยงด้วยการเลือกคู่สกุลเงิน

การเลือกคู่สกุลเงินที่จะเทรดก็เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารความเสี่ยงในการเทรดตามข่าว ตัวอย่างเช่น การเทรดในคู่สกุลเงิน USD/JPY ในช่วงประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะมีความผันผวนสูง ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น หากต้องการลดความเสี่ยง การเทรดใน Synthetic Currency (เช่น GBP/JPY, EUR/JPY) ที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากดอลลาร์สหรัฐฯ ก็เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ คู่สกุลเงินเหล่านี้มักจะเคลื่อนไหวไม่รุนแรงเท่าคู่สกุลเงินดอลลาร์ ทำให้สามารถเทรดได้โดยลดความเสี่ยงลง

ระวังความหนาแน่นของเซิร์ฟเวอร์และ Spread ที่กว้างขึ้น

ในช่วงประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ มีเทรดเดอร์จำนวนมากเข้าเทรดพร้อมกัน ทำให้เซิร์ฟเวอร์อาจทำงานหนักขึ้นและ Spread (ส่วนต่างราคาซื้อ-ขาย) อาจกว้างขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะเพิ่มต้นทุนในการเทรด แต่บางครั้งอาจไม่สามารถเทรดได้ในราคาที่ต้องการได้ด้วย ดังนั้นจึงควรตรวจสอบไว้ล่วงหน้าว่าช่วงเวลาใดที่ควรหลีกเลี่ยงการเทรด และตรวจสอบสถานะเซิร์ฟเวอร์ของโบรกเกอร์ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเทรดในราคาที่ไม่เป็นที่ต้องการ

5. สรุป

การเทรดตามข่าวเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความผันผวนครั้งใหญ่ของตลาดในช่วงเวลาที่ประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในการทำกำไรในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม การเทรดตามข่าวก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องมีการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวดและวางแผนอย่างรอบคอบ

บทความนี้ได้อธิบายอย่างละเอียดตั้งแต่แนวคิดพื้นฐานของการเทรดตามข่าว เทคนิคการเทรดที่สำคัญ และความสำคัญของการบริหารความเสี่ยง การทำความเข้าใจประเภทและช่วงเวลาการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญ รวมถึงการจำลองสถานการณ์ล่วงหน้า จะนำไปสู่การเทรดที่สุขุมรอบคอบ นอกจากนี้ การบริหารความเสี่ยงอย่างละเอียด เช่น การตั้งค่า Stop Loss และการปรับขนาด Lot รวมถึงการระวังความหนาแน่นของเซิร์ฟเวอร์และ Spread ที่กว้างขึ้น ล้วนเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการเทรดตามข่าว

การเทรดตามข่าวเป็นวิธีการที่ช่วยให้เทรดเดอร์ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นไปจนถึงระดับกลางสามารถทำกำไรได้จากการใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาด แต่ในขณะเดียวกัน หากการคาดการณ์ผิดพลาดก็อาจทำให้เกิดการขาดทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ดังนั้นการสร้างแผนการเทรดที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตนเอง และการจับจังหวะการเข้าและออกออเดอร์อย่างสุขุมรอบคอบจึงเป็นสิ่งสำคัญ

หากคุณจะเริ่มลองเทรดตามข่าวในอนาคต โปรดใช้เทคนิคและข้อควรระวังเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงที่อธิบายไว้ในบทความนี้เป็นข้อมูลอ้างอิงเพื่อสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตัวเอง เมื่อคุณสั่งสมประสบการณ์และคุ้นเคยกับการอ่านตัวเลขและการตอบสนองของตลาดแล้ว การเทรดของคุณจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แหล่งอ้างอิง

アヴァトレード・ジャパン:「やってはいけないこれだけの理由」 経済指標での動きを50/50と思ってやってはいけない
www.avatrade.co.jp