1. Maximum Drawdown คืออะไร?
คำจำกัดความของ Maximum Drawdown
Maximum Drawdown คือตัวชี้วัดที่สำคัญซึ่งแสดงถึง “เปอร์เซ็นต์การลดลงของสินทรัพย์ที่มากที่สุดนับจากจุดสูงสุด” ในการลงทุนหรือการเทรด ตัวชี้วัดนี้เป็นมาตรวัดพื้นฐานสำหรับการประเมินความเสี่ยง ซึ่งเป็นจุดที่นักลงทุนและเทรดเดอร์ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ตัวอย่างเช่น หากสินทรัพย์มูลค่า 1 ล้านเยนลดลงเหลือ 5 แสนเยน ณ จุดต่ำสุด Maximum Drawdown จะเท่ากับ 50% ด้วยวิธีนี้ Drawdown จะแสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่าสินทรัพย์มีความเสี่ยงที่จะลดลงมากน้อยเพียงใด
ความสำคัญของ Maximum Drawdown
Maximum Drawdown ถูกใช้โดยนักลงทุนและเทรดเดอร์เพื่อประเมินความเสี่ยงอย่างเหมาะสมในการบริหารจัดการสินทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประเมินกลยุทธ์การเทรดและระบบการเทรด การอ้างอิง Maximum Drawdown ในอดีตจะช่วยให้สามารถคาดการณ์ความเสี่ยงในอนาคตและใช้มาตรการที่เหมาะสมได้ อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังเสมอ เนื่องจาก Drawdown ในอดีตไม่สามารถสะท้อนอนาคตได้เสมอไป
2. วิธีการคำนวณ Maximum Drawdown
สูตรการคำนวณ Drawdown
สามารถหา Maximum Drawdown ได้จากสูตรการคำนวณดังต่อไปนี้
Drawdown = (มูลค่าสินทรัพย์ ณ จุดสูงสุด - มูลค่าสินทรัพย์ ณ จุดที่ลดลงมากที่สุด) ÷ มูลค่าสินทรัพย์ ณ จุดสูงสุด × 100%
การใช้สูตรนี้ช่วยให้สามารถระบุจำนวนที่สินทรัพย์ลดลงได้อย่างชัดเจนในรูปแบบตัวเลข ตัวอย่างเช่น หาก 1 ล้านเยนลดลงเหลือ 6 แสนเยน Drawdown จะเท่ากับ 40% การคำนวณด้วยวิธีนี้จะช่วยให้สามารถหา Maximum Drawdown ได้อย่างง่ายดาย
ตัวอย่างการคำนวณ
สมมติว่าสินทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้
- สินทรัพย์ 1 ล้านเยน
- สินทรัพย์ 9 แสนเยน
- สินทรัพย์ 1.2 ล้านเยน
- สินทรัพย์ 1 ล้านเยน
- สินทรัพย์ 6 แสนเยน
ในกรณีนี้ Drawdown จะถูกคำนวณดังนี้
- Drawdown จาก (1) ไป (2) คือ 10% (1 ล้านเยน – 9 แสนเยน) ÷ 1 ล้านเยน × 100
- Maximum Drawdown จาก (3) ไป (5) คือ 50% (1.2 ล้านเยน – 6 แสนเยน) ÷ 1.2 ล้านเยน × 100
ดังนั้น Maximum Drawdown คือ 50% ซึ่งตัวชี้วัดนี้ถูกนำมาใช้เป็นตัวชี้วัดในการบริหารความเสี่ยงของการบริหารสินทรัพย์
3. ความสำคัญของ Maximum Drawdown
บทบาทของ Maximum Drawdown ในการบริหารความเสี่ยง
Maximum Drawdown เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ในการบริหารความเสี่ยงของการบริหารสินทรัพย์ การวิเคราะห์ Maximum Drawdown ในอดีตช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ว่าสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด และสามารถกำหนดกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับความเสี่ยงนั้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบริหารเงินและปรับขนาดตำแหน่ง (position size) ในการเทรด มักจะใช้ Maximum Drawdown เป็นพื้นฐานในการคำนวณ
4. เทคนิคในการลด Maximum Drawdown
การปรับปรุงการบริหารเงินทุน
ในการลด Maximum Drawdown การบริหารเงินทุนที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง การตั้งค่าความเสี่ยงล่วงหน้าสำหรับการเทรดแต่ละครั้งและจัดการไม่ให้ความเสี่ยงนั้นมีขนาดใหญ่เกินไปเมื่อเทียบกับสินทรัพย์โดยรวมเป็นสิ่งสำคัญ ตัวอย่างเช่น วิธีที่ใช้บ่อยคือ “จำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้งไว้ไม่เกิน 2% ของสินทรัพย์” วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้สินทรัพย์ลดลงอย่างมากแม้จะแพ้ติดต่อกัน
การใช้ Stop Loss
การตั้งค่า Stop Loss จะช่วยปิดตำแหน่ง (close position) โดยอัตโนมัติเมื่อขาดทุนถึงจำนวนที่กำหนด ซึ่งจะช่วยป้องกันการขาดทุนครั้งใหญ่ได้ ด้วยวิธีนี้จะสามารถรับมือได้ก่อนที่ Drawdown จะรุนแรงขึ้น และป้องกันการลดลงอย่างมากของสินทรัพย์
การเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การเทรด
การทบทวนกลยุทธ์การเทรดก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลด Drawdown โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูงและให้ผลตอบแทนสูงมีแนวโน้มที่จะมี Drawdown ที่ใหญ่ การเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนต่ำจะช่วยให้การบริหารจัดการมีเสถียรภาพมากขึ้น
กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following) และการเทรดสวนแนวโน้ม (Counter-Trend)
การใช้กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้มและสวนแนวโน้มสลับกันไปตามสถานการณ์ ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลด Drawdown ขณะเดียวกันก็ยังคงแสวงหาผลตอบแทน การเลือกกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ตลาดเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารความเสี่ยง
การปรับขนาดตำแหน่ง (Position Size)
การลดขนาดตำแหน่งจะช่วยลด Drawdown ให้เหลือน้อยที่สุดเมื่อเกิดการขาดทุน เนื่องจากขนาดตำแหน่งที่มากเกินไปมักเป็นสาเหตุของการลดลงของสินทรัพย์อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงแนะนำให้ปรับขนาดตำแหน่งตามความเสี่ยง
5. กลยุทธ์การบริหารเพื่อรับมือกับ Maximum Drawdown
การจำลองและการตั้งค่าระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ในการคาดการณ์ Maximum Drawdown และทำการบริหารจัดการที่เหมาะสม การใช้ข้อมูลในอดีตเพื่อทำการจำลอง (simulation) เป็นสิ่งสำคัญ การทำ Backtest เพื่อตรวจสอบว่าเคยเกิด Drawdown แบบใดในสถานการณ์ตลาดที่ผ่านมา จะช่วยให้สามารถคาดการณ์ความเสี่ยงในอนาคตและกำหนดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk tolerance) อย่างชัดเจน
การพิจารณา Potential Drawdown
Potential Drawdown หมายถึงจำนวนการขาดทุนที่คาดการณ์ได้จากจำนวนตำแหน่งสูงสุดและ Stop Loss ที่ตั้งไว้ การทราบความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้าจะช่วยให้สามารถเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงการเทรดที่ประมาทได้
ความสัมพันธ์ระหว่าง Risk-Adjusted Return และ Maximum Drawdown
การใช้ตัวชี้วัด Risk-Adjusted Return เช่น Sharpe Ratio หรือ Calmar Ratio จะช่วยให้สามารถประเมินความสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทนได้ Sharpe Ratio แสดงให้เห็นว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใดเมื่อเทียบกับความผันผวนโดยรวม ในขณะที่ Calmar Ratio จะประเมินประสิทธิภาพของผลตอบแทนเทียบกับ Maximum Drawdown โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับ Maximum Drawdown แนะนำให้ใช้ Calmar Ratio
Sharpe Ratio พิจารณาความผันผวนโดยรวม แต่ Calmar Ratio จะเน้นไปที่ความเสี่ยงจาก Drawdown เป็นหลัก ซึ่งมีประสิทธิภาพในการประเมินประสิทธิภาพในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การใช้ทั้งสองตัวร่วมกันจะช่วยให้สามารถประเมินความสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทนได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ในการบริหารความเสี่ยง
6. สรุป
Maximum Drawdown เป็นตัวชี้วัดที่จำเป็นสำหรับการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมในการบริหารสินทรัพย์และการเทรด ด้วยการปรับปรุงการบริหารเงินทุน ทบทวนกลยุทธ์การเทรด และใช้ตัวชี้วัด Risk-Adjusted Return จะช่วยให้สามารถลด Drawdown และแสวงหาผลตอบแทนที่มั่นคงได้ ในการบริหารจัดการในอนาคต การทำความเข้าใจ Maximum Drawdown และ Risk-Adjusted Return อย่างถ่องแท้ และการบริหารความเสี่ยงอย่างละเอียดจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ