PCE Deflator อธิบายครบถ้วน: จากวิธีดูสู่การลงทุน

目次

PCE Deflator คืออะไร? เข้าใจถึงความสำคัญของมัน

คำจำกัดและวิธีคำนวณ PCE Deflator

PCE Deflator คือตัวชี้วัดที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงราคาของการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) คำนวณโดยการหาร PCE ชื่อ (nominal PCE) ด้วย PCE จริง (real PCE) เพื่อใช้ในการติดตามอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำนวณโดยการนำ PCE ชื่อในช่วงเวลาหนึ่ง (ซึ่งประเมินจากราคาตลาดจริงในช่วงนั้น) หารด้วย PCE จริงที่ประเมินจากราคาในปีฐาน อัตราส่วนนี้สะท้อนอัตราเงินเฟ้อของเศรษฐกิจโดยรวม และเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญมากสำหรับผู้กำหนดนโยบายและนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ

PCE Deflator จับการเปลี่ยนแปลงราคาของสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อจริง จึงถือว่าสะท้อนการเปลี่ยนแปลงค่าครองชีพได้แม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ วิธีคำนวณที่คล้ายกับ GDP Deflator ทำให้มีประโยชน์ในการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคโดยรวม PCE Deflator จึงเป็นตัวชี้วัดที่ขาดไม่ได้ในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อและประเมินความสำเร็จ

เหตุผลที่ PCE Deflator ได้รับความสนใจ

เนื่องจาก FRB (คณะกรรมการกลางกลางสหพันธ์) ให้ความสำคัญกับ PCE Deflator ในการตัดสินใจนโยบายการเงิน จึงทำให้ตลาดให้ความสนใจมากขึ้น มันเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการวัดความสำเร็จของเป้าหมายเงินเฟ้อ FRB มีเป้าหมายสองประการคือ ความมั่นคงของราคาและการจ้างงานสูงสุด โดยใช้ PCE Deflator เพื่อประเมินความสำเร็จของเป้าหมายความมั่นคงของราคา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง FRB ให้ความสำคัญกับ Core PCE Deflator ซึ่งยกเว้นอาหารและพลังงาน เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนราคาระยะสั้น ทำให้สามารถจับแนวโน้มเงินเฟ้อที่มั่นคงยิ่งขึ้น ดังนั้น แนวโน้มของ Core PCE Deflator จึงได้รับความสนใจในการตัดสินทิศทางนโยบายการเงิน ผู้เข้าร่วมตลาดก็จับตาการประกาศ PCE Deflator เพื่อคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FRB

Core PCE Deflator คืออะไร?

Core PCE Deflator ซึ่งยกเว้นราคาอาหารและพลังงาน ใช้เพื่อจับแนวโน้มเงินเฟ้อที่มั่นคงยิ่งขึ้น เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนราคาระยะสั้น จึงมีความสำคัญในการตัดสินใจนโยบายของ FRB ราคาอาหารและพลังงานอาจผันผวนมากจากปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพอากาศหรือความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ความผันผวนเหล่านี้อาจเป็นชั่วคราวและไม่สะท้อนแนวโน้มเงินเฟ้อของเศรษฐกิจโดยรวมอย่างแม่นยำ

ดังนั้น FRB จึงให้ความสำคัญกับ Core PCE Deflator เพื่อมองแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะยาว การเพิ่มขึ้นของ Core PCE Deflator บ่งชี้ถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยั่งยืน ซึ่งอาจทำให้ FRB ใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด เช่น การขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในทางตรงกันข้าม การลดลงของ Core PCE Deflator บ่งชี้ถึงการคลายตัวของแรงกดดันเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้ FRB ใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย

ザイFX!

PCEデフレーターとは、米国の個人消費者が実際に使った金額にもとづいて集計される個人消費の動向を表したデータから、物価変…

ความแตกต่างระหว่างตัวลด PCE และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

ความแตกต่างในวิธีการคำนวณและขอบเขตที่ครอบคลุม

CPI วัดการเปลี่ยนแปลงราคาของสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อ แต่ตัวลด PCE ครอบคลุมการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลในขอบเขตที่กว้างกว่า นอกจากนี้ วิธีการคำนวณก็มีความแตกต่างกัน โดยตัวลด PCE มีลักษณะที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างการใช้จ่ายได้ง่ายกว่า CPI ติดตามราคาของสินค้าและบริการในตะกร้าที่คงที่ ในขณะที่ตัวลด PCE ปรับโครงสร้างตามรูปแบบการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

ตัวอย่างเช่น หากราคาสินค้าชนิดหนึ่งสูงขึ้น ผู้บริโภคอาจลดปริมาณการซื้อและหันไปใช้สินค้าทดแทน ตัวลด PCE สามารถสะท้อนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคเช่นนี้ได้ จึงเชื่อว่าสามารถวัดอัตราเงินเฟ้อได้อย่างแม่นยำกว่า ในทางตรงกันข้าม CPI ใช้ตะกร้าที่คงที่ จึงไม่สามารถสะท้อนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ ดังนั้น ตัวลด PCE จึงถือเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่ครอบคลุมมากกว่า CPI

เหตุผลที่ FRB ให้ความสำคัญกับตัวลด PCE

ตัวลด PCE สามารถสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างการใช้จ่ายได้เหมาะสมกว่ากว่า CPI จึงเป็นแนวโน้มที่ FRB ให้ความสำคัญกับตัวลด PCE มากกว่าในการตัดสินใจนโยบายการเงิน พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และโครงสร้างการใช้จ่ายก็เปลี่ยนตามไปด้วย ตัวลด PCE สามารถจับภาพการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ และเข้าใจอัตราเงินเฟ้อได้อย่างแม่นยำกว่า นอกจากนี้ ตัวลด PCE ครอบคลุมสินค้าและบริการในขอบเขตที่กว้างกว่าจึงสามารถเข้าใจแนวโน้มเงินเฟ้อของเศรษฐกิจโดยรวมได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวลด PCE สามารถแก้ไขข้อมูลในอดีตได้ ซึ่งหมายความว่าสามารถปรับปรุงอัตราเงินเฟ้อในอดีตเมื่อมีข้อมูลใหม่หรือข้อมูลที่แม่นยำกว่ามา ในทางตรงกันข้าม CPI ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลในอดีตได้ ดังนั้น FRB จึงให้ความสำคัญกับตัวลด PCE ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่ยืดหยุ่นและครอบคลุมมากกว่า

ประเด็นที่นักลงทุนควรให้ความสนใจ

การประกาศตัวเลขตัวลด PCE อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ และตลาดอัตราแลกเปลี่ยน นักลงทุนควรสังเกตปฏิกิริยาของตลาดหลังการประกาศอย่างใกล้ชิด และพิจารณาปรับพอร์ตการลงทุน หากตัวลด PCE สูงกว่าที่คาดไว้ ความกังวลเรื่องเงินเฟ้ออาจเพิ่มขึ้น และความคาดหวังเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจเกิดขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นตกต่ำ ผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น และในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เงินดอลลาร์สหรัฐอาจถูกซื้อมากขึ้น

ในทางตรงกันข้าม หากตัวลด PCE ต่ำกว่าที่คาดไว้ ความกังวลเรื่องเงินเฟ้ออาจลดลง และความคาดหวังเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงอาจเกิดขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นสูงขึ้น ผลตอบแทนพันธบัตรต่ำลง และในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เงินดอลลาร์สหรัฐอาจถูกขาย ดังนั้น นักลงทุนควรสังเกตปฏิกิริยาของตลาดหลังการประกาศตัวลด PCE อย่างใกล้ชิด และจัดการความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของตนเอง

การเคลื่อนไหวของตลาดหลังการประกาศดัชนีราคา PCE และกลยุทธ์การลงทุน

ปฏิกิริยาของตลาดทันทีหลังการประกาศ

หากดัชนีราคา PCE สูงกว่าที่คาดไว้ ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น และความคาดหวังเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจเกิดขึ้น สิ่งนี้จะทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ดอลลาร์สหรัฐอาจถูกซื้อ นักลงทุนสามารถคาดการณ์ปฏิกิริยาของตลาดดังกล่าวและปรับพอร์ตโฟลิโอล่วงหน้าเพื่อลดการสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด

ตัวอย่างเช่น หากคาดว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลง สามารถลดสัดส่วนการถือครองหุ้นและเพิ่มสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรหรือเงินสด หากคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มขึ้น การลงทุนในพันธบัตรที่มีระยะเวลาสั้นจะช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน หากคาดว่าดอลลาร์สหรัฐจะถูกซื้อ สามารถเพิ่มสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์ที่กำหนดมูลค่าด้วยดอลลาร์สหรัฐเพื่อรับผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของตลาดไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์เสมอไป ดังนั้นจึงต้องระมัดระวัง

การนำไปใช้ในกลยุทธ์การลงทุนระยะยาว

การวิเคราะห์แนวโน้มของดัชนีราคา PCE ในระยะยาวจะช่วยให้เข้าใจแนวโน้มเงินเฟ้อและนำไปใช้ในการตัดสินใจจัดสรรสินทรัพย์ การพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้านทานเงินเฟ้อ (เช่น อสังหาริมทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์) ก็เป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพ เงินเฟ้ออาจทำให้มูลค่าสินทรัพย์ลดลง โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่มีรายได้คงที่ เช่น เงินสดหรือพันธบัตร ซึ่งมูลค่าจริงจะลดลงเนื่องจากเงินเฟ้อ ดังนั้น การลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้านทานเงินเฟ้อจะช่วยปกป้องมูลค่าสินทรัพย์ได้

อสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้นในช่วงเงินเฟ้อ จึงเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อที่มีประสิทธิภาพ สินค้าโภคภัณฑ์ก็มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้นในช่วงเงินเฟ้อ จึงเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ พันธบัตรที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้าก็มีเงินต้นเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ จึงเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์เหล่านี้มีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสูง ดังนั้นจึงควรกระจายการลงทุน

การรวบรวมข้อมูลโดยใช้ Minkabu

การใช้เว็บไซต์ข้อมูลการเงิน เช่น Minkabu จะช่วยให้เข้าถึงข่าวสารล่าสุดและรายงานวิเคราะห์เกี่ยวกับดัชนีราคา PCE ได้ การอ้างอิงข้อมูลเหล่านี้เพื่อตัดสินใจลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ เว็บไซต์ข้อมูลการเงินให้ข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการประกาศดัชนีราคา PCE ข้อมูลย้อนหลัง และปฏิกิริยาของตลาด นอกจากนี้ ยังมีรายงานวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยให้เข้าใจแนวโน้มของดัชนีราคา PCE ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

การใช้ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจลงทุน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากเว็บไซต์ข้อมูลการเงินเป็นเพียงข้อมูลอ้างอิง และการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายต้องทำด้วยตนเอง นอกจากนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์ข้อมูลการเงินไม่ได้ถูกต้องเสมอไป ดังนั้นจึงควรเปรียบเทียบจากหลายแหล่ง บริษัทหลักทรัพย์ให้บริการสัมมนาและรายงานสำหรับนักลงทุน ซึ่งมีประโยชน์ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับดัชนีราคา PCE

แนวโน้มและความเสี่ยงในอนาคตของ PCE Deflator

แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในอนาคต

ปัจจัยที่ผลักดันอัตราเงินเฟ้อ เช่น การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบหรือความ disruption ในห่วงโซ่อุปทาน ยังคงมีอยู่ PCE Deflator ยังคงต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด และจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อ การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบทั่วโลกอาจเพิ่มต้นทุนการขนส่งและต้นทุนการผลิต ซึ่งอาจผลักดันราคาสินค้าและบริการให้สูงขึ้น นอกจากนี้ ความ disruption ในห่วงโซ่อุปทานอาจทำให้การจัดหาสินค้าและบริการล่าช้า และผลักดันราคาให้สูงขึ้น

นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างยังอาจเป็นปัจจัยที่ผลักดันอัตราเงินเฟ้อ หากตลาดแรงงานตึงตัว บริษัทจะต้องปรับขึ้นค่าจ้างเพื่อรักษาคนงาน การปรับขึ้นค่าจ้างอาจเพิ่มต้นทุนของบริษัท และผลักดันราคาสินค้าและบริการให้สูงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของ PCE Deflator และนักลงทุนจำเป็นต้องติดตามอย่างระมัดระวัง ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นก็อาจเป็นปัจจัยที่เร่งอัตราเงินเฟ้อได้

ผลกระทบต่อนโยบายการเงิน

หาก PCE Deflator สูงกว่าประเทศเป้าหมายด้านอัตราเงินเฟ้อของ Fed อาจเร่งอัตราการขึ้นดอกเบี้ย การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยอาจเพิ่มต้นทุนการระดมทุนของบริษัท และยับยั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ Fed มีเป้าหมายสองประการคือ ความมั่นคงของราคาและการจ้างงานสูงสุด โดย PCE Deflator ใช้ในการประเมินความสำเร็จของเป้าหมายความมั่นคงของราคา เป้าหมายอัตราเงินเฟ้อของ Fed มักตั้งไว้ที่ประมาณ 2%

หาก PCE Deflator สูงกว่า 2% Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยเพื่อยับยั้งอัตราเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ยอาจเพิ่มต้นทุนการระดมทุนของบริษัท และยับยั้งการลงทุนในอุปกรณ์หรือการจ้างงาน นอกจากนี้ การขึ้นดอกเบี้ยอาจทำให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยสูงขึ้น และทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยเย็นตัวลง ปัจจัยเหล่านี้อาจยับยั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้น แนวโน้มของ PCE Deflator อาจมีผลกระทบอย่างมากต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจจริง

ข้อควรระวังในการลงทุน

การเปลี่ยนแปลงของ PCE Deflator อาจมีผลกระทบอย่างมากต่อตลาด ในการลงทุน ควรจัดการความเสี่ยงอย่างเคร่งครัดและเน้นการกระจายการลงทุน หากจำเป็น ควรพิจารณาปรึกษาที่ปรึกษาการเงิน การเปลี่ยนแปลงของ PCE Deflator อาจมีผลกระทบอย่างมากต่อตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ และตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ในตลาดหุ้น การเพิ่มขึ้นของ PCE Deflator อาจกดดันกำไรของบริษัทและทำให้ราคาหุ้นตก ในตลาดตราสารหนี้ การเพิ่มขึ้นของ PCE Deflator อาจนำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยและทำให้ราคาตราสารหนี้ตก

ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน การเพิ่มขึ้นของ PCE Deflator อาจเพิ่มมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น ในการลงทุน ควรพิจารณาความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของ PCE Deflator และจัดการความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด การกระจายการลงทุนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยง โดยการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์หลายประเภทสามารถลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาของประเภทสินทรัพย์เฉพาะ นอกจากนี้ หากจำเป็น การปรึกษาที่ปรึกษาการเงินสามารถช่วยสร้างพอร์ตโฟลิโอที่เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนและระดับความอดทนต่อความเสี่ยงของตนเอง

สรุป: เข้าใจ PCE Deflator และกลยุทธ์การลงทุนที่ชาญฉลาด

PCE Deflator เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการวัดอัตราเงินเฟ้อ และมีผลกระทบอย่างมากต่อนโยบายการเงินและตลาด การเข้าใจ PCE Deflator และวางกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม จะช่วยปกป้องและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของคุณได้ ใช้แหล่งข้อมูลเช่น Daiwa Securities หรือ Minkabu และพยายามติดตามข้อมูลล่าสุดเสมอ PCE Deflator มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบายการเงินของ FRB ดังนั้น การจับตาดูแนวโน้มของ PCE Deflator จะช่วยคาดการณ์แนวโน้มของตลาดการเงินในอนาคตได้

นอกจากนี้ การเข้าใจ PCE Deflator ช่วยให้คุณวางกลยุทธ์การลงทุนที่เตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ การลงทุนในสินทรัพย์ที่ทนทานต่อเงินเฟ้อจะช่วยปกป้องมูลค่าของทรัพย์สิน การติดตามข้อมูลล่าสุดเสมอและวางกลยุทธ์การลงทุนที่ยืดหยุ่นตามแนวโน้มตลาดเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน การตัดสินใจลงทุนต้องรับผิดชอบด้วยตนเอง และควรพิจารณาคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอย่างรอบคอบ

ลิงก์อ้างอิง

経済を図るモノサシとも言われる「経済指標」で、よく耳にする「CPI」と「PCE価格指数」。その違いや特徴について、わかり…

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ FXの最新記事8件