วันนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับแนวคิดสำคัญในด้านการลงทุนและการเทรดที่เรียกว่า “short cover” อย่างละเอียดและเข้าใจง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น Short cover คือปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อคืนตำแหน่ง และมีผลกระทบอย่างมากต่อตลาด ดังนั้น การมีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุน เราจะอธิบายตั้งแต่แนวคิดพื้นฐานของ short cover ผลกระทบต่อตลาด ไปจนถึงการเคลื่อนไหวของราคาจริง โดยยกตัวอย่างประกอบ เพื่อให้ครอบคลุม โปรดใช้บล็อกนี้เพื่อทำความเข้าใจสาระสำคัญของ short cover อย่างลึกซึ้ง
- 1 1. แนวคิดพื้นฐานของการปิดสถานะ short|อธิบายอย่างเข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่
- 2 2. ผลกระทบและกลไกของการปิดสถานะขายต่อตลาด
- 3 3. การเคลื่อนไหวของตลาดที่เกิดขึ้นจริงจาก short covering
- 4 4. การล็อกกำไรและการตัดขาดทุน|ช่วงเวลาที่เกิดการปิดสถานะชอร์ต
- 5 5. ดูตัวอย่างจริง|การปิดสถานะขายในอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่นปี 2023
- 6 สรุป
- 7 คำถามที่พบบ่อย
- 8 เว็บไซต์อ้างอิง
1. แนวคิดพื้นฐานของการปิดสถานะ short|อธิบายอย่างเข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่
การปิดสถานะ short หมายถึง การที่นักลงทุนซื้อคืนสินทรัพย์เดียวกันเพื่อปิดสถานะหลังจากขายชอร์ตสินทรัพย์นั้น นั่นคือ หลังจากสร้างสถานะ short ในช่วงที่ราคากำลังลดลง เพื่อล็อกกำไรหรือหลีกเลี่ยงการขาดทุนโดยการซื้อคืน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาด การซื้อคืนนี้อาจทำให้ราคาตลาดเด้งขึ้นได้บ่อยครั้ง
กระบวนการของการปิดสถานะ short
-
การสร้างสถานะ short
นักลงทุนคาดว่าราคาสินทรัพย์จะลดลง จึงทำการขายชอร์ต ในขณะนั้น พวกเขาขายสินทรัพย์ที่ราคาสูงปัจจุบัน และวางแผนซื้อคืนที่ราคาต่ำในอนาคตเพื่อทำกำไร -
การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มตลาด
หากราคาเริ่มสูงขึ้นตรงข้ามกับที่คาดไว้ นักลงทุนที่ถือสถานะ short จะเกิดการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ดังนั้น เพื่อจำกัดการขาดทุนให้เหลือน้อยที่สุด พวกเขามักจะรีบซื้อคืนในเวลาอันสั้น -
การผลักดันราคาให้สูงขึ้น
เมื่อนักลงทุนจำนวนมากทำการปิดสถานะ short พร้อมกัน สั่งซื้อจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้ผลักดันราคาให้สูงขึ้น และก่อให้เกิดการปิดสถานะ short เพิ่มเติม ปัจจัยนี้เรียกว่า “short squeeze”
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการปิดสถานะ short
เหตุผลหลักที่ทำให้เกิดการปิดสถานะ short มีดังนี้
-
การฟื้นตัวของตลาด
เมื่อตลาดฟื้นตัวชั่วคราว นักลงทุนที่ถือสถานะ short จะปิดสถานะได้ง่ายขึ้น ในช่วงเวลานี้ นักลงทุนที่ต้องการล็อกกำไรอาจปรากฏขึ้น ทำให้ราคาสูงขึ้นอีกครั้ง -
ความจำเป็นในการตัดขาดทุน
เมื่อมูลค่าสินทรัพย์สูงขึ้น นักลงทุนที่ถือสถานะ short จะคิดถึงการขายทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน ในสถานการณ์นี้ การปิดสถานะ short ก็เกิดขึ้น และทำให้สมดุลอุปสงค์และอุปทานของตลาดเปลี่ยนแปลง
ความสำคัญของการปิดสถานะ short
การปิดสถานะ short เป็นองค์ประกอบที่มีคุณค่ามากในกลยุทธ์การลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดลดลงในระยะยาว การปิดสถานะ short ในเวลาที่เหมาะสมจะเป็นจุดสำคัญในการทำกำไร นอกจากนี้ หากสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว ก็จะสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การเข้าใจกลไกและผลกระทบของการปิดสถานะ short จึงเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับนักลงทุน
2. ผลกระทบและกลไกของการปิดสถานะขายต่อตลาด
การปิดสถานะขายหมายถึง การซื้อคืนเพื่อปิดสถานะขาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาด ในส่วนนี้ เราจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบและกลไกของการปิดสถานะขาย
กลไกของการปิดสถานะขาย
พื้นหลังที่ทำให้เกิดการปิดสถานะขายมีปัจจัยดังต่อไปนี้
- การเคลื่อนไหวของผู้เข้าร่วมตลาด: นักลงทุนที่ถือสถานะขายจะรีบซื้อคืนเพื่อล็อกกำไรหรือลดความสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด สิ่งนี้ทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ราคาตลาดอาจพลิกตัวขึ้น
- ปัจจัยทางจิตวิทยา: เมื่อราคาขึ้น สภาวะตลาดจะดีขึ้น ทำให้มีคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้คาดว่าจะทำให้การปิดสถานะขายเกิดขึ้นแบบต่อเนื่อง
ผลกระทบต่อตลาด
การปิดสถานะขายส่งผลกระทบต่อตลาดดังต่อไปนี้
-
การพุ่งขึ้นของราคาอย่างรวดเร็ว: เมื่อเกิดการปิดสถานะขาย แรงซื้อจะเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาตลาดพุ่งขึ้นอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสถานะขายสะสมจำนวนมาก การปิดสถานะจะส่งผลกระทบชัดเจน
-
การเกิด short squeeze: เมื่อการปิดสถานะขายรุนแรง นักลงทุนที่ถือสถานะขายอาจถูกบังคับให้ตัดขาดทุน สิ่งนี้จะกระตุ้นการซื้อคืนเพิ่มเติม ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “short squeeze” ซึ่งราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
-
ความผันผวนที่เพิ่มขึ้น: การปิดสถานะขายทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้นชั่วคราว โดยเฉพาะในหุ้นหรือตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดการปิดสถานะขาย
เมื่อเกิดการปิดสถานะขาย ปัจจัยต่อไปนี้มักจะมีอิทธิพล
-
การประกาศตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ: การประกาศตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหรือผลประกอบการของบริษัทที่ไม่คาดคิดอาจกระตุ้นการปิดสถานะขาย นักลงทุนจะปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงข้อมูลอย่างรวดเร็วเพื่อประเมินทิศทางตลาด
-
ระดับสนับสนุนทางเทคนิค: การเด้งกลับใกล้ระดับสนับสนุนจากวิเคราะห์ทางเทคนิคอาจกระตุ้นการปิดสถานะขาย โดยเฉพาะในระดับเทคนิคที่ได้รับความนิยม ซึ่งนักลงทุนจำนวนมากจะตอบสนอง
การปิดสถานะขายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาด การที่นักลงทุนเข้าใจกลไกนี้จะช่วยในการสร้างกลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. การเคลื่อนไหวของตลาดที่เกิดขึ้นจริงจาก short covering
การเข้าใจการเคลื่อนไหวของตลาดที่เกิดขึ้นจาก short covering อย่างเฉพาะเจาะจงจะช่วยให้คุณสามารถวางกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในสถานการณ์ที่ short position ถูกซื้อคืน อาจสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวดังต่อไปนี้
การกลับตัวของตลาด
short covering ที่เกิดขึ้นอาจทำให้ตลาดกลับตัวและมุ่งไปสู่แนวโน้มขาขึ้น ซึ่งเกิดจากกลไกดังต่อไปนี้
- การซื้อคืนสถานะขาย: นักลงทุนที่ถือสถานะขายจะปิดสถานะเพื่อล็อกกำไร ซึ่งจะสร้างแรงต้านให้กับตลาดและนำไปสู่การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
- การเพิ่มขึ้นของการซื้อใหม่: short covering ที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นจิตวิทยาว่า “ตลาดกำลังฟื้นตัว” ทำให้มีคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะผลักดันราคาให้สูงขึ้นยิ่งกว่าเดิม
การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะสั้น
เมื่อ short covering เกิดขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดคลายความตึงเครียด อาจเกิดการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีลักษณะดังต่อไปนี้
- การซื้อคืนอย่างรวดเร็ว: เมื่อสถานะขายสะสมมากพอ ในช่วงที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว นักลงทุนจะรีบซื้อคืนพร้อมกัน
- การตัดขาดทุนแบบลูกโซ่: นักลงทุนที่ถือสถานะขายซึ่งขาดทุน จะทำการตัดขาดทุน สร้างแรงซื้อเพิ่มเติม
กระบวนการเหล่านี้เป็นปัจจัยที่เพิ่มความผันผวนให้กับตลาด เช่น หากยืนยันเส้นแนวรับในช่วงราคาเฉพาะ จะเป็นจุดเริ่มต้นของ short covering อย่างรวดเร็ว
การสนับสนุนทางเทคนิคและแนวต้าน
การเคลื่อนไหวจาก short covering มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับการสนับสนุนและแนวต้านในชาร์ตเทคนิค โดยเฉพาะจุดสำคัญดังต่อไปนี้
- จุดต่ำสุดครั้งที่สอง: เมื่อยืนยันการก่อตัวของจุดต่ำสุดครั้งที่สอง การซื้อคืนจะคึกคัก และตลาดมีโอกาสกลับตัวสูงขึ้น
- รูปแบบหัวไหล่กลับหัว: เมื่อรูปแบบนี้ปรากฏ จะกระตุ้น short covering และนักลงทุนจะคาดหวังถึงจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นใหม่
การสังเกตการเคลื่อนไหวของตลาดโดยเข้าใจรูปแบบเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้จับจังหวะ short covering ได้ง่ายขึ้น ผลกระทบจาก short covering เป็นปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนแปลงตลาดอย่างมองไม่เห็น และกำหนดกลยุทธ์การลงทุนถัดไป
4. การล็อกกำไรและการตัดขาดทุน|ช่วงเวลาที่เกิดการปิดสถานะชอร์ต
การปิดสถานะชอร์ตเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยหลักเพื่อวัตถุประสงค์ในการล็อกกำไรหรือตัดขาดทุน ในกระบวนการนี้ นักลงทุนจะตอบสนองอย่างละเอียดอ่อนต่อการเคลื่อนไหวของตลาด และปรับสถานะการลงทุน ซึ่งมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรามาดูกันว่าสถานการณ์ใดที่ทำให้เกิดการปิดสถานะชอร์ต
การปิดสถานะชอร์ตเนื่องจากการล็อกกำไร
การล็อกกำไร หมายถึงการกระทำที่นักลงทุนทำให้กำไรที่ได้จากตลาดเป็นจริง นักลงทุนที่ถือสถานะชอร์ตจะทำการซื้อคืนเพื่อล็อกกำไรในสถานการณ์ดังต่อไปนี้
- เมื่อราคาลดลงต่อเนื่อง: หากราคาลดลงต่ำกว่าราคาที่ขายชอร์ตครั้งแรก นักลงทุนสามารถล็อกกำไรได้ ดังนั้นจึงปิดสถานะขาย
- ช่วงเวลาที่ตลาดไม่แน่นอน: ในช่วงที่ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น หากรู้สึกว่าสามารถล็อกกำไรใหญ่ได้ง่าย การปิดสถานะชอร์ตก็อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อการเคลื่อนไหวของตลาดไม่แน่นอน นักลงทุนมักเลือกที่จะล็อกกำไรเร็ว
การปิดสถานะชอร์ตเนื่องจากการตัดขาดทุน
การตัดขาดทุนคือการกระทำที่นักลงทุนปิดสถานะเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียเพิ่มเติม เหตุผลหลักที่นักลงทุนเลือกตัดขาดทุนมีดังต่อไปนี้
- เมื่อราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว: นักลงทุนที่ถือสถานะขายจะตัดขาดทุนทันทีหากราคาขึ้นสูงกว่าที่คาดไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่เพิ่มขึ้น การตัดสินใจนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดโดยรวม และเป็นปัจจัยที่ทำให้แรงซื้อเพิ่มขึ้น
- เงินทุนประกันไม่เพียงพอ: การรักษาสถานะชอร์ตต้องใช้เงินทุนประกันในระดับหนึ่ง หากราคาขึ้นต่อเนื่องและเงินทุนประกันไม่พอ จะต้องปิดสถานะโดยบังคับ ซึ่งก็จะนำไปสู่การปิดสถานะชอร์ตเช่นกัน
ผลกระทบของการปิดสถานะชอร์ตต่อตลาด
การปิดสถานะชอร์ตจะส่งผลกระทบต่อตลาดดังต่อไปนี้
- การพุ่งขึ้นของราคาอย่างรวดเร็ว: แรงขายลดลงและความต้องการเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น สถานการณ์เช่นนี้จะนำไปสู่การปิดสถานะชอร์ตเพิ่มเติม
- การเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม: การขึ้นของราคาอาจทำให้แนวโน้มของตลาดโดยรวมเปลี่ยนไป จากประวัติศาสตร์ การปิดสถานะชอร์ตมักนำไปสู่การขึ้นของตลาดซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก
การเข้าใจผลกระทบที่การปิดสถานะชอร์ตมีต่อตลาดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำความเข้าใจกลไกเหล่านี้ในช่วงที่ความผันผวนสูง จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างกลยุทธ์การซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ การจับจังหวะการปิดสถานะชอร์ตได้ดีจะช่วยให้สามารถเพิ่มกำไรได้สูงสุด
5. ดูตัวอย่างจริง|การปิดสถานะขายในอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่นปี 2023
ในเดือนมกราคม 2023 มาดูตัวอย่างเฉพาะเจาะจงของการปิดสถานะขายที่เกิดขึ้นในอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่นกันเถอะ กรณีนี้เป็นตัวชี้วัดที่ดีในการทำความเข้าใจว่าการปิดสถานะขายส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างไร
ที่มาของการปิดสถานะขาย
วันที่ 18 มกราคม การประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นจัดขึ้น และผลลัพธ์นั้นส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาด เนื่องจากธนาคารกลางญี่ปุ่นตัดสินใจคงสถานะปัจจุบัน อัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่นจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และขึ้นชั่วคราวมากกว่า 3 เยน อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นตลาดกลับตัว และเริ่มลดลงมากกว่า 4 เยน จุดสำคัญคือในกระบวนการนี้ มีการสะสมสถานะขายจำนวนมาก
จุดที่เกิดการปิดสถานะขาย
หลังจากตลาดถึงระดับต่ำสุด โดยเฉพาะเมื่อเกิดรูปแบบก้นรอบที่สองหรือหัวไหล่กลับ การปิดสถานะขายจะเกิดขึ้นอย่างคึกคัก ในเวลานี้ นักลงทุนจะกลับสู่ตลาดด้วยแรงซื้อที่แข็งแกร่ง และตลาดจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง การเคลื่อนไหวนี้จะดำเนินไปทีละขั้นตอนดังนี้
- การรักษาระดับต่ำ: ตลาดที่ยังคงอยู่ในช่วงต่ำและเคลื่อนไหวแบบ sideways จะทำให้ นักลงทุนที่ถือสถานะขายตัดสินใจซื้อคืน
- การกลับตัวของราคา: เมื่อราคาค่อยๆ ขึ้น จะส่งเสริมการซื้อคืนสถานะขายเพิ่มเติม ทำให้ตลาดเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นบ่อยครั้ง
แนวโน้มตลาดจริง
ในอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่นจริง เมื่อเกิดการปิดสถานะขายพร้อมกับการซื้อใหม่ ตลาดจะก่อตัวแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ การปิดสถานะขายจึงมีบทบาทสำคัญมากในพลวัตของตลาด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีแนวโน้มดังต่อไปนี้:
- เริ่มการปิดสถานะขาย: หลังจากก่อตัวก้นรอบที่สอง แรงซื้อจะเพิ่มขึ้น และเกิดการปิดสถานะขายหลายครั้ง
- การพุ่งขึ้นของราคา: การปิดสถานะขายเป็นตัวกระตุ้น ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่นขึ้นชั่วคราวมากกว่า 2 เยน
ผ่านกระบวนการเช่นนี้ ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเฉพาะหรือข่าวสารตลาดมักเป็นปัจจัยที่ผลักดันการปิดสถานะขาย โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวนรุนแรง ปัจจัยทางจิตวิทยาก็มีผล ทำให้พฤติกรรมของนักลงทุนได้รับผลกระทบอย่างมาก
สรุป
การซื้อคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ตเป็นพฤติกรรมการลงทุนที่สำคัญซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อแนวโน้มของตลาด เนื่องจากนักลงทุนปรับสถานะของตนอย่างรวดเร็วตามการขึ้นหรือลงของราคา จึงก่อให้เกิดความผันผวนในตลาด ดังที่ได้อธิบายในบทความนี้ การเข้าใจช่วงเวลาที่เกิดการซื้อคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ตและผลกระทบของมันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการวางกลยุทธ์การลงทุนที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้าใจปัจจัยที่กระตุ้นการซื้อคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ต เช่น การประกาศตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหรือการก่อตัวของรูปแบบทางเทคนิค จะช่วยให้สามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาดล่วงหน้าได้ นักลงทุนควรเรียนรู้กลไกของการซื้อคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ตและจับทิศทางของตลาดได้อย่างแม่นยำซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ
คำถามที่พบบ่อย
Short covering คืออะไร?
Short covering หมายถึง การที่นักลงทุนซื้อคืนสินทรัพย์ที่ขายชอร์ตไว้หลังจากนั้น เพื่อปิดสถานะนั้น นั่นคือ หลังจากที่สถานะ short เกิดขึ้นในช่วงที่ราคากำลังลดลง การซื้อคืนเพื่อล็อกกำไรหรือหลีกเลี่ยงการขาดทุน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาด
Short covering ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างไร?
Short covering สามารถก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของราคาอย่างรวดเร็วหรือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “short squeeze” และยังเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นของความผันผวนในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกิดการปิดสถานะจาก short position จำนวนมากที่สะสมไว้ ส่งผลกระทบนั้นจะชัดเจนยิ่งขึ้น
Short covering เกิดขึ้นเมื่อไหร่?
Short covering เกิดขึ้นเป็นหลักเพื่อวัตถุประสงค์ในการล็อกกำไรหรือหลีกเลี่ยงการขาดทุน หากราคาลดลงต่อเนื่องหรือในช่วงที่ตลาดไม่แน่นอน นักลงทุนที่ถือสถานะ short จะทำ short covering เพื่อปิดสถานะขาย นอกจากนี้ เมื่อราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็อาจเกิด short covering เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนที่เพิ่มขึ้น
มีตัวอย่างเฉพาะของ short covering หรือไม่?
ในเดือนมกราคม 2023 สำหรับคู่สกุลเงิน USD/JPY หลังจากผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีการสะสม short position จำนวนมากในตลาด โดยใช้รูปแบบ 2nd bottom หรือ inverse head and shoulders เป็นตัวกระตุ้นให้เกิด short covering ส่งผลให้ตลาดพุ่งขึ้นชั่วคราว ดังนั้น ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเฉพาะหรือข่าวสารตลาดสามารถเป็นปัจจัยผลักดัน short covering ได้
เว็บไซต์อ้างอิง
ショートカバーとは、ショートポジションの買い戻しです。利益確定の買い戻し、損切りの買い戻しがあり、買い戻しの連鎖が起こる…