การลงทุนในสินทรัพย์เป็นหนึ่งในตัวเลือกหนึ่งของการลงทุนในพันธบัตร การเพิ่มความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับพันธบัตรเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้เราจะอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพันธบัตรและอัตราดอกเบี้ย ข้อดีและความเสี่ยงของการลงทุนในพันธบัตร รวมถึงประเภทและลักษณะของพันธบัตร เราหวังว่าผู้ที่กำลังพิจารณาการลงทุนในพันธบัตร รวมถึงผู้ที่ต้องการเพิ่มความรู้ด้านการเงิน จะได้รับประโยชน์จากเนื้อหานี้
1. ความสัมพันธ์ระหว่างพันธบัตรและอัตราดอกเบี้ย – ผลกระทบของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อราคาพันธบัตร
กลไกในตลาดพันธบัตรถูกกำหนดโดยทิศทางของอัตราดอกเบี้ยอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่ออัตราดอกเบี้ยขึ้น การเข้าใจว่าผลกระทบต่อราคาพันธบัตรที่มีอยู่จะเป็นอย่างไรเป็นสิ่งสำคัญมากในการลงทุนพันธบัตร
ผลกระทบของการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
เมื่ออัตราดอกเบี้ยขึ้น พันธบัตรที่ออกใหม่จะมีอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ทำให้พันธบัตรที่มีอยู่เดิมสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดและราคาจะลดลง ตัวอย่างเช่น หากคุณถือพันธบัตรที่อัตราดอกเบี้ย 1% เมื่อออกใหม่อัตราดอกเบี้ย 3% พันธบัตรเก่าจะสูญเสียความน่าสนใจ
สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน
ในสถานการณ์เช่นนี้ นักลงทุนมักจะชอบพันธบัตรใหม่ที่มีผลตอบแทนสูง ทำให้ความต้องการพันธบัตรที่มีอยู่ลดลง ส่งผลให้ผู้ถือพันธบัตรที่ต้องการขายต้องลดราคาลง การลดราคาที่เกิดขึ้นอาจทำให้ผู้ลงทุนสูญเสียได้
ความสัมพันธ์เชิงกลับของผลตอบแทนและราคา
ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและผลตอบแทนของพันธบัตรเป็นเชิงกลับ กล่าวคือ เมื่อราคาพันธบัตรขึ้น ผลตอบแทนจะลดลง และเมื่อราคาลดลง ผลตอบแทนจะเพิ่มขึ้น ความเข้าใจในเรื่องนี้เป็นแนวคิดพื้นฐานในการลงทุนพันธบัตร
ตัวอย่างเพื่อความเข้าใจ
สมมุติว่าคุณถือพันธบัตรที่ออกในราคา 1,000,000 เยน โดยมีอัตราดอกเบี้ย 1% หากอัตราดอกเบี้ยตลาดขึ้นเป็น 3% คุณจะต้องลดราคาพันธบัตรเพื่อขายให้เพื่อน สุดท้ายอาจจะขายได้ที่ 900,000 เยน เพื่อนจะคำนวณผลตอบแทนจริงและพิจารณาว่าจะได้กำไรหรือไม่
ความเสี่ยงของการลงทุนพันธบัตร
ในสภาพแวดล้อมที่อัตราดอกเบี้ยขึ้น ราคาพันธบัตรที่มีอยู่จะลดลง ทำให้การลงทุนพันธบัตรมีความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม หากอัตราดอกเบี้ยลดลง พันธบัตรที่มีอยู่อาจถูกซื้อขายในราคาพรีเมียมในตลาด ดังนั้นต้องใส่ใจในทิศทางของอัตราดอกเบี้ยอย่างรอบคอบ
ความสัมพันธ์กับสภาพเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ตลาดพันธบัตรยังเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับสภาพเศรษฐกิจ ในหลายกรณี เมื่อเศรษฐกิจเติบโต อัตราดอกเบี้ยมักจะขึ้น ซึ่งส่งผลเสียต่อราคาพันธบัตร ตรงกันข้าม เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ อัตราดอกเบี้ยลดลง ราคาพันธบัตรมักจะขึ้น ดังนั้น เพื่อความสำเร็จในการลงทุนพันธบัตร จำเป็นต้องติดตามทั้งทิศทางของอัตราดอกเบี้ยและสภาพเศรษฐกิจ

2. ข้อดีและความเสี่ยงของการลงทุนในพันธบัตร
การลงทุนในพันธบัตรเป็นวิธีหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับบุคคลและองค์กรในการจัดการสินทรัพย์ แต่การเข้าใจข้อดีและความเสี่ยงอย่างถ่องแท้เป็นสิ่งสำคัญ ในที่นี้เราจะมาดูข้อดีหลักและความเสี่ยงของการลงทุนในพันธบัตรอย่างละเอียด
ข้อดีของการลงทุนในพันธบัตร
ผลตอบแทนที่มั่นคง
หนึ่งในความน่าสนใจสูงสุดของพันธบัตรคือผลตอบแทนที่มั่นคงจากรายได้ดอกเบี้ย โดยทั่วไปพันธบัตรจะทำการชำระดอกเบี้ยเป็นระยะ ๆ ตามกำหนด และเมื่อครบกำหนดจะคืนเงินต้น ทำให้ผู้ลงทุนสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลตอบแทนอย่างน้อยบางส่วน
การกระจายความเสี่ยง
การเพิ่มพันธบัตรเข้าไปในพอร์ตการลงทุนช่วยให้สามารถกระจายความเสี่ยงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นและพันธบัตรมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันในสภาพตลาดต่าง ๆ การถือพันธบัตรจะทำให้ผลตอบแทนมีความเสถียรมากขึ้นและลดความผันผวนของสินทรัพย์โดยรวม
การลงทุนที่มีความโปร่งใสสูง
โดยทั่วไปพันธบัตรมีการเคลื่อนไหวของตลาดที่สงบและความผันผวนของราคาไม่มาก ทำให้การลงทุนมีความโปร่งใสสูง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินความเสี่ยงล่วงหน้าได้ง่ายขึ้น
ความเสี่ยงของการลงทุนในพันธบัตร
ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย
ราคาพันธบัตรไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาด ดังนั้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ราคาพันธบัตรที่มีอยู่เดิมอาจลดลง ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยจึงเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถมองข้ามได้ในการลงทุนพันธบัตร
ความเสี่ยงด้านเครดิต
หากผู้ออกพันธบัตรเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ความเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้หรือการล้มละลายจึงเกิดขึ้น โดยเฉพาะพันธบัตรของผู้ออกที่มีความสามารถทางเครดิตต่ำมีโอกาสที่เงินต้นจะไม่ถูกชำระคืน ดังนั้นเมื่อทำการลงทุนควรระมัดระวังอย่างรอบคอบ
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง
ในบางตลาดอาจมีพันธบัตรบางประเภทที่ยากต่อการซื้อขาย ทำให้มีความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง เมื่อผู้ลงทุนต้องการขายพันธบัตรอาจไม่พบคู่สัญญาหรือราคาตลาดอาจลดลง ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับปัจจัยนี้ด้วย
สรุป
ดังนั้นการลงทุนในพันธบัตรมีความน่าสนใจมากมาย แต่ก็มีความเสี่ยงด้วย จึงจำเป็นต้องทำการวิจัยอย่างละเอียดและพิจารณาสไตล์การลงทุนและระดับความยอมรับความเสี่ยงของตนเองอย่างรอบคอบก่อนดำเนินการลงทุนจริง
3. ประเภทและลักษณะของพันธบัตร
พันธบัตรเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่ผู้ลงทุนให้เงินกู้แก่ผู้ออกพันธบัตรเฉพาะเจาะจงได้ พันธบัตรมีหลายประเภทและแต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะต่างกัน ด้านล่างนี้จะอธิบายประเภทหลักของพันธบัตรและลักษณะของแต่ละประเภท
1. พันธบัตรรัฐบาล
พันธบัตรรัฐบาลเป็นพันธบัตรที่รัฐบาลกลางออกเพื่อระดมทุนทางการเงิน พันธบัตรนี้ออกเพื่อระดมทุนทางการเงินและถูกซื้อโดยนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างกว้างขวาง คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของพันธบัตรรัฐบาลคือความเชื่อถือสูงของมัน การล้มละลายของประเทศผู้ออกพันธบัตรเป็นเรื่องหายากและผู้ถือพันธบัตรสามารถคาดหวังว่าจะได้รับเงินต้นและดอกเบี้ยตามกำหนด
2. พันธบัตรท้องถิ่น
พันธบัตรท้องถิ่นเป็นพันธบัตรที่ออกโดยหน่วยเทศบาลหรือหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อระดมทุนสำหรับโครงการสาธารณะต่าง ๆ พันธบัตรท้องถิ่นมีความเชื่อถือต่ำกว่าพันธบัตรรัฐบาลเล็กน้อย แต่สามารถเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง ทำให้ได้รับความนิยมจากนักลงทุนหลายคน ประเภทของพันธบัตรท้องถิ่นมีทั้ง “พันธบัตรท้องถิ่นทั่วไป” ที่ออกเพื่อการกู้ยืมทั่วไป และ “พันธบัตรท้องถิ่นพิเศษ” ที่ออกเพื่อโครงการเฉพาะในพื้นที่
3. พันธบัตรบริษัท
พันธบัตรบริษัทเป็นพันธบัตรที่บริษัทมหาชนออกเพื่อระดมทุน ความเสี่ยงของพันธบัตรขึ้นอยู่กับความเชื่อถือของบริษัท ทำให้ผลตอบแทนมีความหลากหลาย พันธบัตรบริษัทมีทั้ง “investment-grade” ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำและคาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่มั่นคง และ “junk bond” ซึ่งมีความเสี่ยงสูงแต่สามารถให้ผลตอบแทนสูงได้
4. พันธบัตรต่างประเทศ
พันธบัตรต่างประเทศเป็นพันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาลหรือบริษัทต่างประเทศ โดยปกติแล้วการซื้อโดยตรงในประเทศญี่ปุ่นอาจยาก พันธบัตรต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นต้องพิจารณาผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนในขณะทำธุรกรรม การซื้อพันธบัตรด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐหรือยูโรแทนเงินเยน ทำให้ผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงตามอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราผลตอบแทน
5. พันธบัตรดอกเบี้ยผันผวน
พันธบัตรดอกเบี้ยผันผวนเป็นพันธบัตรที่ดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงตามอัตราดอกเบี้ยของตลาด หากอัตราดอกเบี้ยตลาดเพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยของพันธบัตรก็เพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน หากอัตราดอกเบี้ยตลาดลดลง ดอกเบี้ยก็ลดลง ดังนั้นในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอาจทำให้ผลกำไรสูงขึ้น แต่ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำอาจทำให้รายได้ลดลง
6. พันธบัตรพิเศษอื่น ๆ
ยังมีพันธบัตรที่ออกแบบตามความต้องการเฉพาะ เช่น พันธบัตรไม่มีดอกเบี้ย (zero-coupon bond) ซึ่งไม่จ่ายดอกเบี้ย แต่มีราคาขายที่ลดลงอย่างมาก ผู้ถือพันธบัตรจะได้รับเงินต้นเต็มจำนวนเมื่อครบกำหนด ทำให้สามารถเลือกตามแผนการใช้เงินได้ นอกจากนี้ยังมี “green bond” และ “social bond” ซึ่งออกเพื่อสนับสนุนโครงการที่มีความหมายทางสังคม ซึ่งได้รับความสนใจมาก
ดังนั้น เนื่องจากพันธบัตรมีหลายประเภทและลักษณะต่าง ๆ นักลงทุนจึงควรเลือกตามวัตถุประสงค์การลงทุนของตนเอง เข้าใจลักษณะของแต่ละประเภทและพิจารณาความเสี่ยงและผลตอบแทนอย่างรอบคอบ

4. ปัจจัยกำหนดราคาพันธบัตร
มูลค่าของพันธบัตรเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยหลายประการ การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญมากในการตัดสินใจลงทุน ในส่วนนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาพันธบัตร
4.1 ความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทนและราคาพันธบัตร
ผลตอบแทนของพันธบัตรและราคามีความสัมพันธ์กันอย่างแข็งแกร่ง ตามหลักการพื้นฐาน เมื่อผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ราคาพันธบัตรจะลดลง และในทางกลับกัน เมื่อผลตอบแทนลดลง ราคาจะเพิ่มขึ้น ปรากฏการณ์นี้เกิดจากพันธบัตรมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยทำให้พันธบัตรใหม่ดูน่าสนใจมากขึ้น ทำให้มูลค่าตามสัมพัทธ์ของพันธบัตรที่มีอยู่ลดลง
4.2 ผลกระทบจากสมดุลอุปสงค์และอุปทาน
ตลาดพันธบัตรถูกกำหนดโดยการทำงานร่วมกันของอุปสงค์และอุปทาน เมื่อความสนใจในพันธบัตรใหม่เพิ่มขึ้น ราคาจะขึ้น แต่เมื่ออุปสงค์ลดลง ราคาจะลดลง การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานนี้เกี่ยวข้องกับสภาพตลาดและอารมณ์ของนักลงทุน ทำให้เป็นปัจจัยที่มีความพลวัตสูง
4.3 ความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออก
ความน่าเชื่อถือของบริษัทหรือรัฐบาลที่ออกพันธบัตรก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อราคา พันธบัตรที่ออกโดยผู้ออกที่มีการจัดอันดับเครดิตสูงมีความปลอดภัยสูงและได้รับความนิยมจากนักลงทุนจำนวนมาก ดังนั้นพันธบัตรเหล่านี้มักมีราคาที่คงที่ ในทางกลับกัน พันธบัตรของผู้ออกที่มีการจัดอันดับเครดิตต่ำจะถูกประเมินว่ามีความเสี่ยงสูงและมักมีแนวโน้มราคาลดลง
4.4 แนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายธนาคารกลาง
ความแข็งแรงของเศรษฐกิจและนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาพันธบัตร เมื่อคาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะดี อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น ทำให้พันธบัตรที่มีอยู่ในตลาดมีราคาต่ำลง นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดพันธบัตร
4.5 ผลกระทบจากเงินเฟ้อ
เมื่ออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น มูลค่าซื้อต่อเนื่องในอนาคตลดลง ทำให้ความระมัดระวังของนักลงทุนเพิ่มขึ้นและความต้องการพันธบัตรลดลง ในสถานการณ์เช่นนี้ ราคาพันธบัตรมักจะลดลง การเคลื่อนไหวของเงินเฟ้อเป็นปัญหาสำคัญสำหรับตลาดพันธบัตร
4.6 ความเสี่ยงจากสกุลเงินและการพิจารณา
เมื่อทำการลงทุนในพันธบัตรต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงค่าเงินก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ เมื่อคุณลงทุนในพันธบัตรที่มีเงินตราต่างประเทศ หากเงินตรานั้นมีค่าลดลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ราคาของพันธบัตรก็จะได้รับผลกระทบด้วย ดังนั้นการจัดการความเสี่ยงจากสกุลเงินอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ปัจจัยเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาพันธบัตรเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ นักลงทุนต้องเข้าใจปัจจัยเหล่านี้อย่างครอบคลุมและจับภาพแนวโน้มของตลาดเพื่อเป็นกุญแจสู่การลงทุนพันธบัตรที่ประสบความสำเร็จ
{‘translated_html’: ‘
5. วิธีการลงทุนในพันธบัตรอย่างชาญฉลาด
การลงทุนในพันธบัตรเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มุ่งหาผลตอบแทนที่มั่นคง อย่างไรก็ตาม การซื้อพันธบัตรเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ควรตั้งใจทำการลงทุนอย่างชาญฉลาด นี่คือวิธีบางประการที่ช่วยให้การลงทุนในพันธบัตรประสบความสำเร็จ
5.1 การประเมินอัตราผลตอบแทนและความเสี่ยง
เมื่อทำการลงทุนในพันธบัตร จำเป็นต้องประเมินความสมดุลระหว่าง อัตราผลตอบแทนและ ความเสี่ยง อย่างรอบคอบ พันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูงมักมีความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออกสูง จึงต้องใช้การตัดสินใจที่ระมัดระวัง ตรงกันข้าม พันธบัตรที่ปลอดภัยมักมีอัตราผลตอบแทนต่ำกว่า การเลือกพันธบัตรที่เหมาะสมควรพิจารณาตามระดับความยอมรับความเสี่ยงของตนเอง
5.2 ความสำคัญของการกระจายการลงทุน
ตลาดพันธบัตรมีหลายประเภท เช่น พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรท้องถิ่น และพันธบัตรบริษัท อย่าลงทุนในพันธบัตรประเภทเดียวเพียงอย่างเดียว แต่กระจายการลงทุนไปยังพันธบัตรประเภทต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความเสี่ยง ตัวอย่างเช่น การผสมผสานพันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรท้องถิ่นที่ปลอดภัยกับพันธบัตรบริษัทที่มีความเสี่ยงสูง จะช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับพอร์ตโฟลิโอโดยรวม
5.3 การใช้กองทุนรวมพันธบัตรและ ETF
สำหรับผู้ที่รู้สึกไม่มั่นใจในการลงทุนโดยตรงในพันธบัตรหรืออยากลดความยุ่งยาก การใช้กองทุนรวมพันธบัตรหรือ ETF ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ด้วยวิธีนี้คุณสามารถกระจายการลงทุนไปยังพันธบัตรหลายประเภทและยังมีสภาพคล่องสูง คุณยังสามารถแปลงเป็นเงินสดได้ทันทีเมื่อจำเป็น แต่ต้องระวังค่าธรรมเนียมของกองทุนและ ETF ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุน
5.4 การติดตามแนวโน้มของตลาด
ตลาดพันธบัตรได้รับผลกระทบอย่างมากจาก อัตราดอกเบี้ย แนวโน้มเศรษฐกิจ และความน่าเชื่อถือของบริษัท การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยเหล่านี้อย่างต่อเนื่องและติดตามแนวโน้มของตลาดเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะเมื่อคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น ราคาพันธบัตรที่ออกแล้วมักจะลดลง ดังนั้นการวางกลยุทธ์การลงทุนควรอาศัยข้อมูลเหล่านี้เป็นหลัก
5.5 การมองภาพระยะยาว
พันธบัตรโดยทั่วไปมีความผันผวนของราคา น้อยกว่าหุ้น จึงเหมาะสมกับการถือครองในระยะยาว ไม่ควรตื่นเต้นหรือหดหู่กับการเปลี่ยนแปลงราคาสั้น ๆ แต่ควรเน้นที่รายได้ดอกเบี้ยประจำและมุ่งเน้นการเติบโตของการลงทุนอย่างมั่นคง
โดยพิจารณาจุดสำคัญเหล่านี้ ควรดำเนินการลงทุนในพันธบัตรที่เหมาะสมกับตนเอง การประเมินสภาพตลาดอย่างรอบคอบและมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญ

‘}
สรุป
การลงทุนในพันธบัตรมีความน่าสนใจมากมาย เช่น รายได้ที่มั่นคง การกระจายความเสี่ยง และความโปร่งใสของการลงทุน
แต่ในทางกลับกัน ต้องให้ความสำคัญกับความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงด้านเครดิต และความเสี่ยงด้านสภาพคล่องอย่างเพียงพอ
การเข้าใจประเภทและลักษณะของพันธบัตร รวมถึงปัจจัยกำหนดราคา และการลงทุนอย่างชาญฉลาดตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ
การกระจายการลงทุน การติดตามแนวโน้มตลาด และการมองมุมมองระยะยาวจะเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่มั่นคง
การลงทุนในพันธบัตรมีหลายด้าน การเข้าใจอย่างครอบคลุมและวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตัวเองจะเป็นทางลัดสู่ความสำเร็จ
คำถามที่พบบ่อย
ราคาตราสารหนี้และอัตราผลตอบแทนมีความสัมพันธ์อย่างไร?
ราคาตราสารหนี้และอัตราผลตอบแทนมีความสัมพันธ์แบบผกผัน กล่าวคือ เมื่อราคาตราสารหนี้เพิ่มขึ้น อัตราผลตอบแทนจะลดลง และเมื่อราคาตก อัตราผลตอบแทนจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากมูลค่าตราสารหนี้ที่มีอยู่เปลี่ยนแปลงตามอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ใหม่ที่ออก
การลงทุนในตราสารหนี้มีข้อดีและความเสี่ยงอย่างไร?
ข้อดีหลักของการลงทุนในตราสารหนี้คือผลตอบแทนที่มั่นคง การกระจายความเสี่ยง และความโปร่งใสสูง ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงเครดิต และความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง การลงทุนจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบโดยพิจารณาความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง
ตราสารหนี้มีประเภทใดบ้างและลักษณะเด่นของแต่ละประเภทคืออะไร?
ตราสารหนี้มีหลายประเภท เช่น ตราสารหนี้ของรัฐ ตราสารหนี้ของท้องถิ่น ตราสารหนี้ของบริษัท ตราสารหนี้ต่างประเทศ และตราสารหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยผันผวน ลักษณะและเงื่อนไขการชำระเงิน รวมถึงคุณลักษณะความเสี่ยงต่าง ๆ จะแตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกตราสารหนี้ที่เหมาะสมควรพิจารณาตามวัตถุประสงค์การลงทุน
เพื่อทำการลงทุนในตราสารหนี้อย่างชาญฉลาด ควรระวังอะไรบ้าง?
เพื่อให้การลงทุนในตราสารหนี้ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องประเมินความสมดุลระหว่างอัตราผลตอบแทนและความเสี่ยง และทำการกระจายการลงทุน นอกจากนี้ การติดตามแนวโน้มตลาดและมุมมองระยะยาวก็เป็นสิ่งสำคัญ การใช้กองทุนรวมหรือ ETF ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพหนึ่ง
เว็บไซต์อ้างอิง
大和証券の債券:債券価格と金利の関係は?のページ。学ぶ・セミナーの情報をご紹介します。…