1pips คืออะไร? คู่มือครบถ้วนวิธีคำนวณและใช้ในการเทรด

※記事内に広告を含む場合があります。
目次

1. บทนำ

“pips” ในธุรกรรม FX คืออะไร?

เมื่อเริ่มทำธุรกรรม FX คุณจะได้ยินคำว่า “pips (พิพส์)” แน่นอน คำว่า pips นี้คือหน่วยเล็กที่สุดที่ใช้ในการแสดงการเปลี่ยนแปลงราคาแลกเปลี่ยน สำหรับมือใหม่ อาจรู้สึกยากนิดหน่อย แต่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการคำนวณกำไรหรือขาดทุนในการทำธุรกรรม FX

วัตถุประสงค์ของบทความ

ในบทความนี้ เราจะอธิบายอย่างเข้าใจง่ายตั้งแต่คำจำกัดความพื้นฐานว่า “1 pips คืออะไร?” ไปจนถึงวิธีการคำนวณเฉพาะ การมีผลต่อการทำธุรกรรม และจุดที่มือใหม่อาจต้องระวัง หลังจากอ่านบทความนี้จบ คุณจะเข้าใจสิ่งต่อไปนี้ได้

  • ความหมายพื้นฐานของ 1 pips
  • วิธีการคำนวณกำไรหรือขาดทุนโดยใช้ pips
  • กลยุทธ์การเทรดที่ใช้ pips

เนื้อหานี้เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังจะเริ่ม FX หรือผู้ที่เริ่มทำธุรกรรมแล้ว เพื่อยืนยันความสำคัญของ pips อีกครั้ง

2. pips คืออะไร? คำจำกัดความพื้นฐาน

ความหมายของ pips

pips หมายถึงหน่วยย่อยที่สุดของการเปลี่ยนแปลงราคาในการซื้อขาย Foreign Exchange (FX) ราคาของคู่สกุลเงินจะแสดงถึงทศนิยม แต่ “การเคลื่อนไหวค่าที่เล็กลง” นั้นเรียกว่า pips

ตัวอย่างเช่น สำหรับคู่สกุลเงิน USD/JPY (ดอลลาร์/เยน) 1 pips หมายถึง “0.01 เยน” ในขณะที่สำหรับ EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์) 1 pips คือ “0.0001 ดอลลาร์” ดังนั้น pips จึงแตกต่างกันไปตามคู่สกุลเงิน

ความแตกต่างระหว่าง pips และ points

ในอุตสาหกรรม FX คำว่า “points” ก็ถูกใช้เช่นกัน แต่คำจำกัดนี้อาจแตกต่างกันไปตามโบรกเกอร์ โดยพื้นฐานแล้ว มักจะถือว่า 1 points = 1 pips แต่ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มการซื้อขาย 1 points อาจหมายถึงหน่วยที่ละเอียดยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงต้องระมัดระวัง

3. วิธีคำนวณ pips (พร้อมตัวอย่างจริง)

พื้นฐานของวิธีการคำนวณ

วิธีการคำนวณ pips จะแตกต่างกันไปตามคู่สกุลเงินดังต่อไปนี้

  1. USD/JPY (ดอลลาร์/เยน)
  • หากราคาเปลี่ยนจาก “130.00 เยน” เป็น “130.01 เยน” การเปลี่ยนแปลงนี้เท่ากับ 1 pips
  • สูตรคำนวณ: 1 pips = 0.01 เยน
  1. EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์)
  • หากราคาเปลี่ยนจาก “1.1000 ดอลลาร์” เป็น “1.1001 ดอลลาร์” การเปลี่ยนแปลงนี้คือ 1 pips
  • สูตรคำนวณ: 1 pips = 0.0001 ดอลลาร์

ตัวอย่างการคำนวณเฉพาะ

ตัวอย่าง 1: ในกรณี USD/JPY
หากราคาเคลื่อนจาก 130.00 เยน เป็น 130.05 เยน:

  • 130.05 – 130.00 = การเปลี่ยนแปลง 5 pips

ตัวอย่าง 2: ในกรณี EUR/USD
หากราคาเคลื่อนจาก 1.1000 ดอลลาร์ เป็น 1.1025 ดอลลาร์:

  • 1.1025 – 1.1000 = การเปลี่ยนแปลง 25 pips

การใช้เครื่องมือคำนวณสำหรับผู้เริ่มต้น

แพลตฟอร์มที่ให้บริการโดยโบรกเกอร์ FX หลายแห่งมีฟังก์ชันที่คำนวณ pips อัตโนมัติ โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น การใช้เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยป้องกันข้อผิดพลาดในการคำนวณได้ง่ายขึ้น

4. ความสัมพันธ์ระหว่าง pips กับกำไรและขาดทุน

สูตรการคำนวณ pips และกำไรขาดทุน

ในการซื้อขาย FX การเปลี่ยนแปลงของ pips เชื่อมโยงโดยตรงกับกำไรหรือขาดทุนจริง สูตรพื้นฐานสำหรับการคำนวณนี้มีดังนี้

จำนวนกำไรขาดทุน = pips × ปริมาณการซื้อขาย (ล็อต)

  • pips: ความผันผวนของหน่วยย่อยสุดของอัตราแลกเปลี่ยน
  • ปริมาณการซื้อขาย (ล็อต): หน่วยของสกุลเงินที่ใช้ในการซื้อขาย 1 ล็อตโดยปกติหมายถึง 100,000 สกุลเงิน แต่ยังมีมินิล็อต (10,000 สกุลเงิน) และไมโครล็อต (1,000 สกุลเงิน)

ตัวอย่างการคำนวณกำไรขาดทุนเฉพาะเจาะจง

ตัวอย่าง 1: การซื้อขาย USD/JPY

  • อัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจาก 130.00 เยน เป็น 130.10 เยน (การเปลี่ยนแปลง 10 pips)
  • ในกรณีที่ปริมาณการซื้อขาย 1 ล็อต (100,000 สกุลเงิน)
  • สูตร: 10 pips × 100,000 สกุลเงิน × 0.01 เยน = กำไร 10,000 เยน

ตัวอย่าง 2: การซื้อขาย EUR/USD

  • อัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจาก 1.1000 ดอลลาร์ เป็น 1.1050 ดอลลาร์ (การเปลี่ยนแปลง 50 pips)
  • ในกรณีที่ปริมาณการซื้อขาย 1 ล็อต (100,000 สกุลเงิน)
  • สูตร: 50 pips × 100,000 สกุลเงิน × 0.0001 ดอลลาร์ = กำไร 500 ดอลลาร์

ผลกระทบของสเปรดต่อกำไรขาดทุน

สเปรดหมายถึงส่วนต่างระหว่างราคาขายและราคาซื้อ ส่วนต่างนี้แสดงด้วย pips และคำนวณเป็นต้นทุนการซื้อขายจริง

ตัวอย่างเช่น สำหรับ USD/JPY หากสเปรด 0.3 pips ต้นทุน 0.3 pips จะเกิดขึ้นทันทีที่เริ่มการซื้อขาย ดังนั้น หากราคาไม่เคลื่อนไหวเกินสเปรด จะไม่สามารถทำกำไรได้

ข้อควรระวัง: ผลกระทบของเลเวอเรจ

การใช้เลเวอเรจช่วยให้สามารถทำการซื้อขายขนาดใหญ่ด้วยหลักประกันจำนวนน้อยได้ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของ pips อาจขยายไม่เพียงกำไรแต่ยังรวมถึงขาดทุนด้วย ดังนั้นการจัดการความเสี่ยงจึงสำคัญ

5. กลยุทธ์การเทรดโดยใช้ pips

การเทรดระยะสั้น (สแคปปิ้ง)

สแคปปิ้งคือกลยุทธ์การเทรดระยะสั้นที่มุ่งเป้าหมายกำไรจำนวน pips เล็กน้อยถึงสิบหลาย pips ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง เนื่องจากมีการเทรดบ่อยครั้ง การเลือกคู่สกุลเงินที่มีสเปรดต่ำจึงเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ

  • จุดสำคัญ:
  • ตัวอย่างคู่สกุลเงิน: USD/JPY, EUR/USD (สเปรดแคบ)
  • เป้าหมายกำไร: ประมาณ 5–10 pips
  • การจัดการความเสี่ยง: ตั้งเส้นหยุดขาดทุนที่ประมาณ 3–5 pips

การเทรดระยะกลาง (เดย์เทรด)

ในการเดย์เทรด จะมุ่งเป้าหมายการเคลื่อนไหวของราคาในหนึ่งวัน (สิบหลายถึงหลายร้อย pips) ด้วยวิธีนี้ โดยการตั้งเป้าหมาย pips ที่ใหญ่ จะสามารถเทรดได้อย่างมั่นคงโดยไม่ถูกกระทบจากความเคลื่อนไหวระยะสั้น

  • จุดสำคัญ:
  • ตัวอย่างคู่สกุลเงิน: GBP/USD, AUD/USD (ความเคลื่อนไหวราคาสูง)
  • เป้าหมายกำไร: 30–50 pips
  • การจัดการความเสี่ยง: ตั้งอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ 1:2 ขึ้นไป

การเทรดระยะยาว (สวิงเทรด)

สวิงเทรดคือกลยุทธ์ที่ถือตำแหน่งตั้งแต่หลายวันถึงหลายสัปดาห์ เพื่อมุ่งเป้าหมายเทรนด์ใหญ่ จึงคาดหวังการเคลื่อนไหวมากกว่าหลายร้อย pips

  • จุดสำคัญ:
  • ตัวอย่างคู่สกุลเงิน: EUR/JPY, NZD/USD (มีเทรนด์ชัดเจนง่าย)
  • เป้าหมายกำไร: 100–200 pips
  • การจัดการความเสี่ยง: ตั้งเส้นหยุดขาดทุนใกล้เส้นรองรับของเทรนด์

วิธีการจัดการความเสี่ยงโดยใช้ pips

ในการจัดการความเสี่ยง pips ช่วยในการตั้งเส้นหยุดขาดทุนและกำหนดปริมาณการเทรด ใช้ pips ตามนี้

  • การตั้งเส้นหยุดขาดทุน:
  • พิจารณาความผันผวนของคู่สกุลเงิน และตั้งเส้นหยุดขาดทุนให้เหมาะสม
  • ตัวอย่าง: หากการเคลื่อนไหวเฉลี่ยรายวัน 50 pips ให้ตั้งหยุดขาดทุนที่ 30–40 pips
  • การคำนวณอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน:
  • ตั้งอัตราส่วนเป้าหมายกำไรต่อการขาดทุนที่ยอมรับ (อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน) ที่ 1:2 ขึ้นไป
  • ตัวอย่าง: เป้าหมายกำไร 100 pips, หยุดขาดทุน 50 pips

6. ข้อควรระวังที่มือใหม่ควรรู้

เข้าใจความสำคัญของการคำนวณ pips

สิ่งที่มือใหม่มักจะพบปัญหาในตอนแรกคือ ความเข้าใจผิดหรือข้อผิดพลาดในการคำนวณ pips pips เป็นพื้นฐานในการคำนวณกำไรหรือขาดทุน และหากความเข้าใจนี้คลุมเครือ อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดในการเทรด

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย

  1. การพิจารณาปริมาณการเทรด (ล็อต) ไม่เพียงพอ:
  • ให้ความสนใจเฉพาะการเคลื่อนไหวของ pips โดยละเลยผลกระทบของปริมาณการเทรดต่อกำไรขาดทุน
  • ตัวอย่าง: การเปลี่ยนแปลง 1 pips สำหรับ 1 ล็อต (100,000 สกุลเงิน) จะให้กำไรขาดทุน 1,000 เยน แต่สำหรับ 0.1 ล็อต (10,000 สกุลเงิน) จะเป็น 100 เยน หากไม่เข้าใจความแตกต่างนี้ การจัดการความเสี่ยงจะไม่เพียงพอ
  1. การละเลยสเปรด:
  • คำนวณโดยไม่พิจารณาต้นทุนการเทรด (สเปรด)
  • มาตรการ: สำหรับคู่สกุลเงินที่มีสเปรดกว้างหรือตลาดที่มีความผันผวนสูง ต้นทุนจะสูง ดังนั้นควรตรวจสอบสเปรดก่อนเทรด

ความแตกต่างระหว่างโบรกเกอร์ในประเทศและต่างประเทศ

นิยามของ pips และเงื่อนไขการเทรดอาจแตกต่างกันระหว่างโบรกเกอร์ในประเทศและต่างประเทศ หากไม่เข้าใจความแตกต่างนี้ อาจนำไปสู่ผลลัพธ์การเทรดที่ไม่ตั้งใจ

ลักษณะของโบรกเกอร์ในประเทศ

  • โดยปกติ แสดงราคาถึงทศนิยมที่ 2 (เช่น 130.00 เยน)
  • สเปรดมักจะแคบ แต่เลเวอเรจต่ำ (สูงสุด 25 เท่า)

ลักษณะของโบรกเกอร์ต่างประเทศ

  • แสดงราคาถึงทศนิยมที่ 3 หรือ 5 (เช่น 1.10001 ดอลลาร์)
  • ให้เลเวอเรจสูง (สูงสุด 500 เท่าหรือมากกว่า) แต่ความเสี่ยงก็สูง

ข้อควรระวัง: โบรกเกอร์ต่างประเทศอาจมีการกำกับดูแลที่หลวม ดังนั้นควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือเสมอ

จุดสำคัญในการจัดการความเสี่ยง

การตั้งเส้นหยุดขาดทุน

โดยการใช้ pips ในการตั้งเส้นหยุดขาดทุน สามารถป้องกันการสูญเสียที่มากเกินไปได้

  • ตัวอย่างที่แนะนำ:
  • ใช้การเคลื่อนไหวเฉลี่ยต่อวันของคู่สกุลเงิน (ATR: Average True Range) เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจเส้นหยุดขาดทุน

พิจารณาความอดทนต่อความเสี่ยง

ไม่ควรเสี่ยงมากเกินไปในการเทรดครั้งเดียว โดยทั่วไปควรจำกัดความเสี่ยงไว้ที่ 1-2% ของทุนการเทรด

  • ตัวอย่าง: หากทุน 1 ล้านเยน ควรจำกัดการสูญเสียครั้งเดียวไว้ที่ 10,000-20,000 เยน (เทียบเท่า 10-20 pips)

7. สรุป

ทบทวนประเด็นสำคัญ

ในบทความนี้ เราได้อธิบายเกี่ยวกับ “pips” ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเทรด FX โดยมีประเด็นดังต่อไปนี้

  1. นิยามพื้นฐานของ pips: หน่วยย่อยที่สุดของการเปลี่ยนแปลงราคาในอัตราแลกเปลี่ยน
  2. วิธีการคำนวณ pips: กฎการคำนวณที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละคู่สกุลเงินและตัวอย่างเฉพาะ
  3. ความสัมพันธ์กับกำไรและขาดทุน: สูตรการคำนวณจำนวนกำไร/ขาดทุนและผลกระทบของสเปรด
  4. กลยุทธ์การเทรด: วิธีการใช้ pips ในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
  5. ข้อควรระวังสำหรับมือใหม่: ประเด็นเกี่ยวกับข้อผิดพลาดในการคำนวณ การเลือกโบรกเกอร์ และการจัดการความเสี่ยง

ขั้นตอนถัดไป

  • ฝึกฝนด้วยการเทรดเดโม:
  • เพื่อฝึกคำนวณ pips จริงๆ ให้ใช้บัญชีเดโม
  • เรียนรู้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง:
  • แนะนำให้ศึกษาลึกเกี่ยวกับหัวข้อที่เกี่ยวข้อง เช่น “ล็อตคืออะไร?” หรือ “กลไกของสเปรด”

8. คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. ความแตกต่างระหว่าง pips และ points คืออะไร?

pips หมายถึงหน่วยย่อยที่สุดของอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่ points อาจแตกต่างกันไปตามโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มการซื้อขาย และอาจหมายถึงหน่วยย่อยกว่า (เช่น 1/10 ของ 1 pips) ในการซื้อขาย กรุณาตรวจสอบข้อกำหนดของแพลตฟอร์มที่คุณใช้

2. 1 pips จะให้กำไรเท่าไหร่?

ขึ้นอยู่กับปริมาณการซื้อขาย เช่น สำหรับ 1 ล็อต (100,000 สกุลเงิน) การเปลี่ยนแปลง 1 pips ใน USD/JPY เท่ากับกำไร/ขาดทุน 1,000 เยน ในขณะที่ 0.1 ล็อต (10,000 สกุลเงิน) คือ 100 เยน

3. มีวิธีฝึกฝนที่แนะนำสำหรับมือใหม่หรือไม่?

การใช้บัญชีเดโมเป็นวิธีที่ดีที่สุด คุณสามารถทดลองคำนวณ pips และกลยุทธ์การซื้อขายโดยไม่มีความเสี่ยง

4. ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มี pips ของสเปรดต่ำหรือไม่?

การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดแคบช่วยลดต้นทุนการซื้อขายได้ อย่างไรก็ตาม ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์และระบบสนับสนุนก็เป็นเกณฑ์การเลือกที่สำคัญ

5. วิธีป้องกันข้อผิดพลาดในการคำนวณ pips คืออะไร?

การใช้เครื่องมือคำนวณอัตโนมัติหรือฟังก์ชันของแพลตฟอร์มการซื้อขายช่วยป้องกันข้อผิดพลาดในการคำนวณได้ นอกจากนี้ การเข้าใจวิธีการคำนวณอย่างถ่องแท้ก็สำคัญเช่นกัน

เว็บไซต์อ้างอิง

外為どっとコム

FXのpipsとは、通貨ペアの値幅を表す共通単位です。損益の計算方法や1日の獲得目安を解説。…

通貨ペアにより異なります。 ■pips(読み方:ぴっぷす) FXで通貨ペアの値動きを表す際に統一の単位として使わ…

JFX株式会社「」のよくある質問詳細ページになります。…

※記事内に広告を含む場合があります。
佐川 直弘: MetaTraderを活用したFX自動売買の開発で15年以上の経験を持つ日本のパイオニア🔧

トレーデンシー大会'15世界1位🥇、EA-1グランプリ準優勝🥈の実績を誇り、ラジオ日経出演経験もあり!
現在は、株式会社トリロジーの役員として活動中。
【財務省近畿財務局長(金商)第372号】に登録
され、厳しい審査を経た信頼性の高い投資助言者です。


【主な活動内容】
・高性能エキスパートアドバイザー(EA)の開発と提供
・最新トレーディング技術と市場分析の共有
・FX取引の効率化と利益最大化を目指すプロの戦略紹介

トレーダー向けに役立つ情報やヒントを発信中!

This website uses cookies.