1. จุดสูงสุดของการรีบาวด์ (Return High) คืออะไร?
นิยามของจุดสูงสุดของการรีบาวด์
จุดสูงสุดของการรีบาวด์ คือจุดสูงสุดที่เกิดขึ้นระหว่างแนวโน้มขาลง หลังจากที่ราคาลดลงแล้วมีการดีดกลับชั่วคราว จากนั้นราคากลับมาลดลงอีก จุดสูงสุดนี้เรียกว่า “จุดสูงสุดของการรีบาวด์” ในตลาดหุ้นหรือ FX จุดนี้ถือเป็นจุดสำคัญที่เทรดเดอร์มักพิจารณาเข้าขาย เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม และมักทำหน้าที่เป็นแนวต้าน (Resistance Line)
เหตุผลที่จุดสูงสุดของการรีบาวด์มีความสำคัญ
จุดสูงสุดของการรีบาวด์เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญสำหรับนักลงทุน ช่วงราคานี้มักจะมีการ “ขายเมื่อรีบาวด์” เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และถูกจับตามองเป็นจุดเปลี่ยนแนวโน้มของตลาด โดยเฉพาะเมื่อแนวโน้มมีการดีดกลับชั่วคราวแล้วกลับเข้าสู่ขาลงอีกครั้ง แรงขายจะเพิ่มขึ้นและเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางใหม่ของตลาด หากราคาทะลุจุดสูงสุดนี้ได้ มีโอกาสสูงที่แนวโน้มจะเปลี่ยนเป็นขาขึ้น ดังนั้นจุดนี้จึงสำคัญสำหรับเทรดเดอร์
2. วิธีค้นหาจุดสูงสุดของการรีบาวด์ (ด้วยการวิเคราะห์กราฟ)
วิธีค้นหาจุดสูงสุดของการรีบาวด์บนกราฟ
ในการหาจุด จุดสูงสุดของการรีบาวด์ ให้มองหาช่วงที่ราคาอยู่ใน แนวโน้มขาลง แล้วเกิดการดีดกลับขึ้นชั่วคราว จุดสูงสุดของการดีดกลับนั้นคือจุดสูงสุดของการรีบาวด์ วิธีระบุอย่างเป็นขั้นตอนมีดังนี้:
- ระบุจุดต่ำสุดล่าสุดบนกราฟ
- ดูว่าหลังจากจุดต่ำสุดนั้น ราคากลับตัวขึ้นไป แล้วเริ่มลดลงใหม่ จุดสูงสุดของช่วงนี้ก็คือจุดสูงสุดของการรีบาวด์
ตัวอย่างจุดสูงสุดของการรีบาวด์
ตัวอย่างเช่น คู่เงินดอลลาร์/เยน ร่วงจาก 105 เยนเหลือ 100 เยน แล้วดีดกลับขึ้นไปที่ 103 เยน ก่อนจะร่วงลงอีก ครั้งนี้ 103 เยนจะถือเป็น “จุดสูงสุดของการรีบาวด์” การระบุจุดนี้บนกราฟจะช่วยให้เทรดเดอร์หาจุดเข้าขายที่เหมาะสมได้
3. กลยุทธ์การเทรดโดยใช้จุดสูงสุดของการรีบาวด์
กลยุทธ์ขายเมื่อรีบาวด์
หนึ่งในกลยุทธ์ที่ใช้ จุดสูงสุดของการรีบาวด์ คือการ ขายเมื่อรีบาวด์ (Sell on Rally) ซึ่งหมายถึงการเปิดสถานะขายใกล้จุดสูงสุดที่เกิดขึ้นระหว่างแนวโน้มขาลง โดยปกติจุดนี้จะเป็นสัญญาณว่าราคามีแนวโน้มจะกลับสู่ขาลงอีกครั้ง และช่วยให้เทรดตามแนวโน้มหลักของตลาด
การจัดการความเสี่ยงและการตั้งจุดตัดขาดทุน
หัวใจสำคัญของกลยุทธ์ขายเมื่อรีบาวด์ คือ การจัดการความเสี่ยงและการตั้งจุดตัดขาดทุน ถ้าราคาทะลุจุดสูงสุดของการรีบาวด์ อาจเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มเปลี่ยนเป็นขาขึ้น ควรรีบตัดขาดทุนทันที โดยปกติจะตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ไว้เหนือจุดสูงสุดของการรีบาวด์เล็กน้อย และถือโพซิชั่นไว้ตราบใดที่แนวโน้มยังดำเนินต่อไป เป็นจุดสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
4. ความสัมพันธ์ระหว่างจุดสูงสุดของการรีบาวด์กับ Fibonacci Retracement
Fibonacci Retracement กับจุดสูงสุดของการรีบาวด์
Fibonacci Retracement คือเครื่องมือวิเคราะห์เทคนิคที่ใช้วัดโอกาสการดีดตัวของราคาในแนวโน้ม เพื่อเสริมการวิเคราะห์จุดสูงสุดของการรีบาวด์ ระดับที่นิยมดู ได้แก่ 38.2%, 50%, และ 61.8% ของการเคลื่อนไหวของราคาในแต่ละรอบแนวโน้ม
ตัวอย่างการใช้ Fibonacci กับจุดสูงสุดของการรีบาวด์
เช่น ในแนวโน้มขาลง ถ้าราคาดีดตัวกลับขึ้นไปถึงเส้น Fibonacci 61.8% จุดราคานี้มักกลายเป็น จุดสูงสุดของการรีบาวด์ ซึ่งเป็นจุดที่เทรดเดอร์จำนวนมากมองหาโอกาสในการขาย การใช้ Fibonacci ร่วมกับจุดสูงสุดของการรีบาวด์จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเทรด
5. คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
คำถามที่พบบ่อย 1: จะป้องกันความล้มเหลวในการเทรดด้วยจุดสูงสุดของการรีบาวด์ได้อย่างไร?
ในการเทรดโดยใช้ จุดสูงสุดของการรีบาวด์ ควรตรวจสอบความแข็งแกร่งของแนวโน้มและดูเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) หรือ Oscillator เพื่อเพิ่มความแม่นยำของจุดเข้า ถ้าแนวโน้มไม่ชัดเจน ควรหลีกเลี่ยงการเปิดออเดอร์แบบฝืนตลาด
คำถามที่พบบ่อย 2: ความแตกต่างระหว่างจุดสูงสุดของการรีบาวด์กับจุดต่ำสุดของการย่อคืออะไร?
จุดสูงสุดของการรีบาวด์ คือจุดสูงสุดชั่วคราวที่เกิดขึ้นในแนวโน้มขาลง ส่วน จุดต่ำสุดของการย่อ (Pullback Low) คือจุดต่ำสุดชั่วคราวที่เกิดขึ้นในแนวโน้มขาขึ้น ทั้งสองจุดนี้สำคัญมากต่อการวางกลยุทธ์เข้า-ออกเทรด
6. สรุป
จุดสูงสุดของการรีบาวด์ เป็นจุดราคาสำคัญที่เกิดจากการดีดกลับชั่วคราวในแนวโน้มขาลง ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งในการใช้เป็นจุดขายสำหรับเทรดเดอร์ การระบุจุดนี้ในกราฟและการใช้ร่วมกับ Fibonacci Retracement จะช่วยให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่าลืมจัดการความเสี่ยงและตั้งจุดตัดขาดทุนให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการเทรด